ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ตอนที่ 2

๗๕ ภาพ เล่าเรื่องพระเจ้าแผ่นดิน



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเห็นชาวบ้านมีความสุข ก็รับสั่งว่าชื่นใจ แต่กว่าชาวบ้านจะแจ่มใสอย่างนี้ ทรงเหนื่อยอยู่หลายปี มีผู้สนใจวิธีการของพระองค์ท่าน ก็ไปศึกษาที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส ซึ่งทรงตั้งขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นี่โปรดแผนที่มากที่สุด เวลาเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร ทรงขับรถเอง แล้วก็มีแผนที่ติดพระองค์เสมอ และทรงใช้ประโยชน์จากแผนที่อย่างเต็มที่ อย่างเสด็จฯ ไปคุยกับราษฎร ก็จะรับสั่งถามว่ามาจากที่ไหน บ้านช่องเขาอยู่ที่ไหน เขาก็จะบอกว่าเขาอยู่ที่นั่นที่นี่ เดี๋ยวนี้มีหมู่บ้านใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว และคนก็อยู่เย็นเป็นสุขขึ้น ก็จะทรงทำแผนที่เทียบกับแผนที่ปัจจุบัน และทำเครื่องหมาย เวลาขับรถไปตามพื้นที่ไหนๆ ทรงซักถามชาวบ้าน ชื่อหมู่บ้าน ชื่อถนน แม่น้ำลำคลอง ว่าถูกต้องตรงตามแผนที่หรือไม่ มีหมู่บ้านเพิ่มขึ้นมาใหม่ไหม แหล่งน้ำอยู่ตรงไหนบ้าง ไกลไหม จะทรงพระดำเนินไปทอดพระเนตร เวลาประทับลงเรือที่ภาคใต้ ก็ทรงมีขวดน้ำไว้ พอประทับ เรือวิ่ง ท่านก็เอาขวดน้ำช้อนน้ำขึ้นใส่ขวดแล้วไปทดสอบความเปรี้ยวของแต่ละแห่งทุกครั้ง

ส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒



ปลาร้องไห้...ที่สายบุรี

ตั้งแต่พระองค์เสด็จเยี่ยมประชาชนในเขตพื้นที่พัฒนาพรุแฆแฆ จ.ปัตตานี มีราชฎรชื่อ นายอูเซ็ง เฝ้ารับเสด็จอยู่ด้วย เมื่อพระองค์เสด็จผ่านจุดที่นายอูเซ็งรอรับเสด็จอยู่นั้น นายอูเซ็งได้ถวายภาพถ่าย ๑ ชุด เป็นภาพถ่ายของปลากะพง ที่เลี้ยงในชังบริเวณแม่น้ำกอตอ ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำสายบุรี

แม่น้ำทั้งสองจะไหลลงทะเลบริเวณ ปากน้ำสายบุรี จุดที่เลี้ยงปลากะพงอยู่ใกล้กับปากน้ำ ปลาที่เลี้ยงในกระชังเกือบทั้งหมดตายลอยแพเป็นพันเป็นหมื่นตัว สาเหตุที่ปลาตายเนื่องจากการปล่อยน้ำเปรี้ยวจากพรุพาเจาะ ไหลผ่านคลองไม้แก่น และคลองกอตอ ผ่านจุดที่เลี้ยงปลากะพงในกระชัง ก่อนจะไหลออกทะเล ทำให้ปลากะพงที่เลี้ยงในกระชังขาดอ๊อกซีเจนตายจำนวนมาก รวมทั้งปลาของนายอูเซ็งด้วย

นายอูเซ็ง จึงได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่ปลาตายถวายฎีกาต่อพระองค์ท่านเพื่อให้ทรงช่วยเหลือแก้ไข ขณะที่กำลังกราบทูลพระองค์ท่านถึงสาเหตุที่ปลาตายอยู่นั้น นายอูเซ็งร้องไห้ไปด้วย (ร้องไห้เสียงดังเหมือนเด็ก) ด้วยพระอารมณ์ขันของพระองค์ท่าน ได้ตรัสด้วยประโยคสั้นๆ ว่า...

"...ปลาร้องไห้ จะต้องหาทางแก้ไข..."

ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านและได้ยินประโยคที่ท่านตรัส ต่างก็หัวเราะด้วยอารมณ์ขัน ต่อจากนั้นพระองค์ได้เปิดแผนที่เพื่อทอดพระเนตรแม่น้ำกอตอซึ่งเป็นจุดที่เลี้ยงปลากะพงมาก และเส้นทางที่ปล่อยน้ำเปรี้ยวจากพรุบาเจาะ ลงสู่แม่น้ำสายนี้

ทรงศึกษาหาวิธีการที่จะป้องกันมิให้ปล่อยน้ำเปรี้ยวจากพรุบาเจาะลงสู่แม่น้ำสายนี้อีก และได้ทรงมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบวางแผนป้องกันระยะยาว ด้วยพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านทำให้หมู่บ้านปาตาคีมออยู่ร่มเย็นเป็นสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปลาจะไม่มีวันร้องให้อีกต่อไปแล้ว

Cr : คุณธีรพจน์ หะยีอาแว

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงสั่งให้เตรียมขวดน้ำ และทรงตักน้ำด้วยพระองค์เอง เพื่อนำน้ำมาให้กรมชลประทานทดสอบคุณภาพ พระองค์ท่านมีพระราชประสงค์ จะทรงเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวในภาคใต้ โดยทรงมีพระราชดำริว่า พื้นที่ตามขอบพรุนั้น น่าจะปรับปรุงให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ จึงทรงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้ขุดคลองระบายน้ำในพรุออก โดยให้มีประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมระดับน้ำในพรุ

และพระราชทานคำแนะนำในการแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนสามารถปรับปรุงที่นาที่ถูกทิ้งมาถึง ๒๐-๓๐ ปี ให้นำมาใช้ประโยชน์ ได้มากกว่าแสนไร่ เช่น ที่นราธิวาสได้ ๒๐,๐๐๐กว่าไร่นครศรีธรรมราช๒๐,๐๐๐กว่าไร่ ปัตตานี ๑๐,๐๐๐ กว่าไร่ เป็นต้น แต่เดิมชาวบ้านปลูกข้าวได้แค่ไร่ละ ๔-๕ถัง เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น ๕๐ ถังแล้ว และยังปลูกพืชผักผลไม้ได้อีกหลายชนิด รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วย

ซึ่งชาวบ้านกราบบังคมทูล ขอพระราชทาน ให้ทรงทำชิ้นนี้ในเขตพรุต่อไปอีก ก็รับสั่งว่า ข้าทำให้พื้นที่พรุแห้ง เพิ่มมากเกินไปในที่ใกล้ๆ กันนี้ อาจจะเกิดไฟลุกขึ้นในพรุซึ่งจะเป็นอันตรายได้

ส่วนหนึ่งพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔


ใต้ร่มโพธิ์ทอง...ของพ่อหลว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งกับนักข่าว BBC เวลาเขาถามพระองค์ท่านว่า...

" เสด็จมาทำอะไรกันที่ชายแดน มีทหารล้อมหน้าล้อมหลัง จะมาสู้กับคอมมิวนิสต์หรือ ? "

พระองค์ทรงรับสั่งว่า...

"พวกเรามาอยู่ที่นี่ ก็เพราะที่นี่ขาดน้ำทำกิน เรามาสู้กับความยากจนนานาประการ เพื่อให้คนไทย เป็นไทแก่ตนอย่างแท้จริง ให้เหมาะสมกับระบอบประชาธิปไตย ที่ท่านทั้งหลายก็สนับสนุนอยู่มิใช่หรือ"

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



อิ่มเดียว หลับเดียว

ข้าพเจ้าจะนำท่านย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้วมา ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ใหม่ๆ ทรงโปรดการทรงภูษาเป็นสนับเพลาสั้น ( กางเกงขาสั้น ) ในยามดึกเวรยามรอบพระราชฐานที่ประทับต่างทำหน้าที่กันตามจุดต่างๆไม่มีบกพร่อง ไม่มีการละทิ้งหน้าที่ ไม่มีการหยอกล้อเฮฮา ส่งเสียงอึกทึกหรือเล่นหัวกัน เพราะต่างรู้หน้าที่ของตนว่ากำลังถวายอารักขาและถวายความปลอดภัย แด่องค์พระประมุขของชาติ จอมคนของปวงชนชาวไทย แม้จะมิได้ทรงเสด็จออกมาทอดพระเนตร แต่ทุกคนก็รู้หน้าที่กันเป็นอย่างดี

ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ลมพัดกรูเกรียวเสียงน้ำค้างตก ใครจะนึกบ้างเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จลงมา ทรงพระราชดำเนินไปรเวท ( เดินเล่น ) บางครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเงียบๆ

แล้วก็มีพระราชดำรัสทักทายแก่ทหารมหาดเล็กที่ถวายเวรยาม และนายทหารราชองครักษ์เวร ประดุจน้ำทิพย์หยาดลงชโลมดวงใจของผู้ที่ทำการอยู่เวรยามให้ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงเป็นห่วงผู้ที่มาอยู่เวรยามด้วยความจงรักภักดี แม้เวลาจะดึกดื่นแล้วก็ยังคงอยู่ในหน้าที่ด้วยอาการสงบ ที่เป็นการถวายชีวิตเป็นราชพลี

ตอนนั้นทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านหน้าข้าพเจ้า ซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิต ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัสเรียกชื่อของข้าพเจ้า จากนั้นทรงพระราชดำรัสต่อไปว่า....

"...ชีวิตมนุษย์เรานี่ อิ่มเดียว หลับเดียวเท่านั้น..."

ทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไป จนลับพระองค์ ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจ นึกไม่ออกว่าทรงหมายความว่าอย่างไร จนรุ่งเช้าออกเวรแล้วจึงได้กลับบ้าน อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะกับพระที่วัดเทพธิดา จึงได้เอ่ยถามท่านมหาผู้มีเปรียญเป็นดีกรีว่า...

"...ท่านมหาขอรับ คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนี่หมายความว่าอย่างไรขอรับ..."

ท่านมหาขมวดคิ้วแล้วย้อนถามผมด้วยความฉงนฉงาย ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปอีกว่า...

"...โยมเฉลิมศักดิ์ไปเอาคำนี้มาจากไหนกันล่ะ..."

ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านตรงๆ ในที่สุดท่านก็ได้ตอบปัญหาให้ผมได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า...

"...โยมเฉลิมศักดิ์ คำนี้น่ะผู้ที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นผู้มีความรู้ในพระพุทธพจน์อันมีความหมายยาวให้ย่นย่อเข้าใจได้ง่ายอีกด้วย คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนั้น มาจากพระพุทธพจน์ ที่ทรงให้ตัดความโลภ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข ให้รู้จักคำว่าพอ เพราะมนุษย์เรานั้นจะกินได้มากเท่าใด ก็ไม่เกินอิ่มของตน พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว การนอนก็เช่นกัน จะนอนนานแค่ไหนก็แค่อิ่มนอนของตัวเองเท่านั้น

มนุษย์เรานั้นวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะไม่รู้จักอิ่ม ได้มาอิ่มแล้วก็ยังอยากได้อีก นอนอิ่มแล้วก็อยากนอนอีกอยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก ถ้าคนเรายึดในหลักว่าอิ่มเดียวหลับเดียวโลกก็จะเป็นสุข ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี และแสวงหาจนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว

คนเรานะโยมจะบริโภคอาหารอันอิ่มเอมโอชะสักเท่าใดก็อิ่มเดียว กินข้าวคลุกน้ำปลา หรือ กินอาหารจีนรสเลิศชามละเป็นพันบาท ก็อิ่มเดียวแค่อิ่มเท่านั้นกินเข้าไปไม่ได้แล้ว จะนอนบนที่นอนยัดนุ่นรองด้วยสปริง อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ นอนในสลัม หรือ นอนในคฤหาสน์ ก็แค่นอนหลับอิ่มเดียวเท่านั้น เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ก็เท่าเทียมกันด้วยอิ่มเดียวและหลับเดียวนี่แหละ..."

#คัดจากบางส่วนของหนังสือเรื่องหลังจากวังหลวงบันทึกความทรงจำของอดีตตำรวจหลวง เฉลิมศักดิ์ รามโกมุท

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ราษฎรต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด

ในเดือนพฤษภาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชานุญาต ให้นายเดนิส เกรย์ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระราชวังไกลกังวลหัวหิน เพื่อขอพระราชทานสัมภาษณ์ และเขียนรายงานข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆและพระราชปณิธาน ที่ทรงช่วยเหลือราษฎร 

มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถตอบข้อสงสัยของผู้คนที่เคยคิดว่าในยุคสมัยที่การเดินทางไปต่างประเทศเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและเป็นที่นิยมกัน ความในพระราชดำรัสนั้นพระองค์ทั้งทรงตอบและทรงยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า...

"...ในเรื่องเกี่ยวกับพระราชภาระอันหนัก บางครั้งเมื่อฉันเกิดเหนื่อยขึ้นมา ฉันเคยคิดว่าน่าจะได้ไปพักผ่อน ณ สถานที่บางแห่ง เช่น ฮาวายสักระยะหนึ่ง แต่แล้วพระเจ้าอยู่หัวก็มักรับสั่งกับฉันว่า จะทอดทิ้งประชาชนไปจริงๆหรือ ในยามที่บ้านเมืองกำลังลำบากอยู่เช่นในขณะนี้ จะเห็นได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงมีความเสียสละมากกว่าฉัน พระองค์ท่านทรงเป็นดวงประทีปที่ให้ความสว่างแก่ฉันตลอดมา..."

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



สำหรับข้าพเจ้าเป็นการเกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย ๔ โมง แต่จริงแล้วเสด็จมาถึง ๑ ทุ่ม ช้ากว่านัดหมาย ตั้ง ๓ ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องซ้อมถอนสายบัว อยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียด เมื่อแรกพบ มากกว่ารักเมื่อแรกพบ

ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่าน ทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้น อายุเพิ่งย่าง ๑๕ ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน เป็นนักเปียโนที่แสดงในงานคอนเสิร์ต ตอนพระองค์ท่านประทับที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีพระอาการหนักมาก ตำรวจเขาโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนี

พระองค์ท่านรีบเสด็จไปทันที แต่แทนที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระราชปฏิสันถารกับพระองค์ ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋าโดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า พระองค์ทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่

แล้วพระองค์ก็ตรัสให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้า คิดถึงแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่ และ ภารกิจของพระราชินีเลย

รักแรกพบ

ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๒ ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ ๑๗ ปี ของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ณ.สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้พระราชทานแหวน (ซึ่งเป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให้แก่สมเด็จพระบรมราชชนนีในครั้งอดีต) ให้แก่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ และได้มีพระราชกระแสรับสั่งในขณะที่ทรงมอบว่า...
"สิ่งนี้เป็นของสำคัญยิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย"

ราชาภิเษกสมรส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดให้วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อใกล้ถึงเวลาพระฤกษ์ เวลา ๐๙.๓๐ น. หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงนำหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ไปยังวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ลงนามในสมุดทะเบียนสมรส ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขี ๒ คน คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี, พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนามด้วย เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระราชปิตุลา

เมื่อสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จออก ณ ชั้น ๒ ของพระตำหนักแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องราชสักการะ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ประทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์แก่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามโบราณราชประเพณี พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และบุคคลที่ได้รับเชิญมาร่วมในพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญ ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของที่ระลึกเป็นหีบบุหรี่เงินขนาดเล็ก ประดับอักษรพระนามาภิไธยย่อ ภ.อ. และ ส.ก

ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์แก่สมเด็จพระราชินีในศุภมงคลโอกาสนี้ด้วย เมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. ของวันเดียวกันนี้ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์ เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล แล้วเสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยให้คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการและคณะทูตานุทูต เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล

ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทั้งสองพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานโดยรถไฟพระที่นั่งไปประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา ๕ วัน

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้ในหลวงและพระราชินี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas


ตามรอยเท้าพ่อ

"...เพราะตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ก็เห็นทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงคิดหาวิธีต่างๆที่จะยกฐานะความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น เมื่อโตขึ้นมา พอมีแรงทำอะไรได้ ก็ทำไปอย่างอัตโนมัติ โดยทำตามพระราชกระแส หรือทำตามแนวพระราชดำริ การช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่การออกไปพัฒนานั้นเป็นเรื่องสนุก เป็นการท้าทายสติปัญญาว่าถ้ามีโจทย์คือปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ก็ต้องพยายามหาข้อเฉลย คือวิธีแก้ปัญหา การแก้ปัญหา ซึ่งบางครั้งกินเวลานานกว่าจะคิดออก..."

#ความตอนหนึ่งพระราชดำรัสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแก่ข้าราชการสำนักงานเลขานุการ กปร. เมื่อปี ๒๕๒๘

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้ในหลวงและพระราชินี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

ทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แม้จะประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ก็ยังคงทรงงานอยู่ โดยทรงใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ในการทรงงาน อาทิ ทรงรับฟังข้อมูลข่าวสาร รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศ จากวิทยุสื่อสาร และสื่อต่างๆ และการรายงานผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์ ตลอดจนทรงสืบค้นข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ทำรายงานถวาย และบางครั้งจะทรงให้คำแนะนำด้วย หากทรงพบว่าโครงการนั้นๆ มีปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินงาน ในขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ราชเลขานุการในพระองค์ฯ ติดตามผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ และนำมาถวายรายงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบอย่างของนักพัฒนาที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ โดยทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญา เพื่อดำเนินทุกวิถีทางที่จะช่วยให้ประชาชนที่พระองค์ทรงรักได้มีความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งข้าพเจ้าเองได้ตั้งปณิธานที่จะเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท ในการช่วยเหลือประชาชนและประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน...เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทต่อไป

เอกสารประกอบการเขียน
- หนังสือสัจธรรมแห่งแนวพระราชดำริ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน บทความพระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้ในหลวงและพระราชินี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะแ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



การดนตรีนาฎศิลป์ไม่สิ้นแล้ว พระองค์ร่มโพธิ์แก้วคอยรักษ

ถ้าสังเกตดูในประเทศต่างๆ เขาก็ใช้ศิลปะเป็นการเมือง เพื่อที่จะให้คนรู้จักบ้านเมืองเขาและแข่งขันกัน แสดงว่าบ้านเมืองเขามีของดีกว่าบ้านเมืองเรา เช่น ในด้านการดนตรี ก็ประกวดประขันกันว่าประเทศไหนมีศิลปินที่เก่งที่สุด ให้เป็นการคล้ายการข่มขวัญกัน แม้ในทางกีฬาเขาก็ข่มขวัญกันด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะนำมาใช้ในทางแสดงความใหญ่โต แต่เมื่อเป็นไปเช่นนี้ คือ เป็นไปในทางที่ไม่ควรเป็น เราจะต้องนึกว่า หน้าที่ของศิลปินต้องมีอย่างหนัก โดยเฉพาะศิลปะไทยอย่างที่จะไปแสดงนี้เป็นศิลปะที่สำคัญมาก เพราะเป็นการแสดงจิตใจ เป็นการแสดงความเป็นไปของประเทศ ของประชาชนคนไทย หมายความว่า ถ้าต่างประเทศเขาเห็นว่าเรามีศิลปะที่งดงาม ที่ลึกซึ้ง เขาก็เกรงใจเรา นับถือเรา

คำว่า "วัฒนธรรม" นี่จะแปลว่าอะไรก็แล้วแต่จะตีความ ความจริงแปลว่าความเจริญ ความก้าวหน้า แต่วัฒนธรรมในที่นี้ก็คงจะบ่งถึงว่ามีความเจริญมาช้านาน ไม่ใช่ว่ามีความเจริญก้าวหน้า แต่มีความเจริญมาเป็นเวลาช้านานต่อเนื่องมา และจนกระทั่งยังอยู่ในสายเลือด แต่ว่าถ้าเราไปแสดงตนว่ามีวัฒนธรรม ว่ามีฝีมือเท่านั้นเองก็ไม่พอ ต้องแสดงวัฒนธรรมของเราอยู่ในสายเลือด วัฒนธรรมไทยมีความอ่อนโยน ก็ต้องเป็นคนอ่อนโยน

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น

เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท

หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทางทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า...

"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..."

ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก

รถพระที่นั่งติดหล่มเช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า...

"...พระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือถนน...."

ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ

ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnaga



เราจะช่วยเหลือเขา ให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้

จุดกำเนิดของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเริ่มต้นครั้งแรก ณ บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มครั้งแรกในปี ๒๔๙๕ โดยการสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้าน นับได้ว่าเป็นโครงการพัฒนาชนบทโครงการแรก

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในระยะแรกนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเสด็จเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศในทุกภูมิภาค ทรงสดับตรับฟังทุกข์สุขของประชาชนในขณะเสด็จพระราชดำเนินอยู่นั้น แล้วทรงแสวงหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อน ของพสกนิกรให้จงได้ และจากการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรดังกล่าว ทำให้ทรงพบว่า คนชนบทส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้มีจำนวนไม่น้อย การช่วยเหลือประชาชนให้ "พออยู่ พอกิน" จึงเป็นพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพระ บรมราชานุเคราะห์แก่พสกนิกรในช่วงต้นทรงวิเคราะห์ว่า หากเขาพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติ โดยส่วนรวมได้ในที่สุด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจึงเน้นหลักการพึ่งตัวเอง ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า....

"...เราจะช่วยเหลือเขา ให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้..."

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ในหลวงของฉัน ... ลมหายใจของฉัน

ผมเคยอ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่งของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชที่ท่านเคยเคยเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐว่า.....

"...คนที่มาดูหนังคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า เป็นผู้ที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจเเละเกิดกำลังใจที่สุด เป็นผู้หญิงไทยตัวเล็กๆซึ่งมากับฝรั่งอ้วนๆคนหนึ่ง พอเห็นก็รู้ได้เลยว่าเธอมีอาชีพอะไร เหตุการณ์สำคัญมาเกิดตอนหนังจบ พอหนังจบฝรั่งก็ลุกขึ้นยืนจะออกจากโรง ไม่ยืนรอเคารพพระบรมรูปเเละเพลงสรรเสริญพระบารมี เเต่หญิงไทยไม่ยอมลุกขึ้นไปด้วยนั่งอยู่เฉยๆ

ฝรั่งจึงถามว่าทำไมไม่ลุกออกจากโรงจะรออะไร

ผู้หญิงไทยส่ายหัวดิกๆ เเละตอบเป็นภาษาอังกฤษว่าจะรอยืนเคารพพระบรมรูป ฝรั่งไม่เข้าใจเเละเอะอะว่าเสียเวลา ผู้หญิงไทยตอบชัดถ้อยชัดคำเป็นภาษาอังกฤษว่า...ชัตอัพ ! !

"...นี่คือในหลวงของฉัน หัวใจของฉัน MY KING....my happiness and joy..."

ฝรั่งยืนนิ่งอีกอึดใจเดียวทางโรงหนังก็ฉายพระบรมรูปเเละเพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้น ผู้หญิงไทยตัวเล็กๆยืนตรงอย่างภาคภูมิ ตาจ้องไปที่พระบรมรูปจนเสียงเพลงสรรเสริญจบลง ความเป็นไทย เอกราชของชาติไทย ความจงรักภักดีทุกอย่าง ปรากฎอยู่ตรงหน้าผมขณะนั้น..."

ความรัก ไม่มีอาชีพ ไม่มีสูง ต่ำ ดำ ขาว จน รวย หากแต่ความรักคือสิ่งที่อยู่ในหัวใจและแสดงออกมาอย่างภาคภูมิใจ ไม่มีใครทราบว่าหลังจากนั้น เธอผู้นั้นจะโดนไล่ โดนทอดทิ้งหรือไม่จ่ายค่าเที่ยวให้เธอ แต่สิ่งที่ทุกคนรู้แน่ชัดก็คือ "หัวใจเธอสุดยอด หัวใจที่จงรักและภักดีของหญิงที่ถูกเรียกว่างามเมือง สำหรับผมเธองดงามด้วยความดี ขอคาราวะจากใจ

#สิริเดชะกุล

เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของชาวไทยทุกคน ด้วยพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ขอทรงพระสิริสวัสดิ์ มีพระพลานามัยที่ดีและแข็งแรง ทรงพระชนมพรรษาที่ยืนยาว ทรงพระเกษมสำราญพระวรกายและพระทัย ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเทอญพระพุทธเจ้าข้า กราบแทบพระบาท

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ทรงลำบากตรากตรำเพื่อประชาชนผู้ยากไร้

“...เวลาเสด็จฯ ไปที่ไหน พระองค์จะเสด็จฯ พระราชดำเนินนำไปก่อน เราก็วิ่ง คนในขบวนก็วิ่งกันกระเจิง ตามเสด็จฯ ไม่ค่อยทัน พระองค์ทรงพระราชดำเนินเก่ง...”

เวลาเสด็จพระราชดำเนินก็จะทรงนำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และบางครั้งก็ต้องทรงช่วยให้เสด็จฯ ขึ้นเขา แล้วก็ ทรงร้องเพลงลูกทุ่งอยู่บนเขา ’ตายแน่คราวนี้ต้องตายแน่ ๆ

เวลาตามเสด็จฯ จึงลำบาก จะวิ่งหนีเข้าร่ม หรือแอบไปกินอะไรอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงห้ามไม่ให้เรากิน ไม่ให้เราหลบแดดพระองค์ก็ทรงไม่หลบแดด ไม่ได้เสวยด้วยเหมือนกัน

บางครั้งพระองค์เองทรงประสงค์ให้คนที่ตามเสด็จฯ ได้รับประทานด้วยซ้ำ เมื่อรับประทานเสร็จแล้วจะได้พร้อมที่จะทำงาน แต่ส่วนใหญ่เจ้าภาพจะบอกว่าพวกนี้ไม่สุภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่เสวย แล้วทำไมถึงกินก่อนเป็นบาปกรรม คนเขาก็คิดอย่างนั้น พระองค์เองทรงลำบากกว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ ตากแดดก็ตากด้วยกัน เพราะฉะนั้น ฉันนี่มีวิตามินดีเยอะมากเลย กระดูกแข็งแรง

จากบทสัมภาษณ์พระราชทาน ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เกี่ยวกับ หลักการทรงงาน และแนวพระราชดำริในการพัฒนาประเทศ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือ พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประช



ของมีค่าหายาก

ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อชาวอีสานทราบข่าวดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จฯ เยี่ยมอีสานเป็นเวลายาวนานถึง ๑๙ วัน ระหว่างวันที่ ๒-๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวอีสานจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเพียงใด

เพราะอีสานเวลานั้นแห้งแล้งเหลือแสน ยังไม่มีอ่างเก็บน้ำชลประทานดังเช่นปัจจุบัน เส้นทางรถยนต์ในยุคนั้นก็ยังเป็นดินแดงๆทุรกันดาร น้ำพระราชหฤทัยที่แสดงออกด้วยการเจาะจงเสด็จฯ เยี่ยมอีสาน จึงเป็นเสมือนน้ำฝนฉ่ำที่หยาดลงมาบนผืนดินที่แห้งผาก

ยังไม่ทันที่พระองค์จะเสด็จฯ มาถึง น้ำพระทัยที่เย็นดุจสายฝนหยดแรกก็หยาดนำทางลงมาเสียแล้ว เมื่อมีข่าวว่า กรมทางหลวงเตรียมนำ "น้ำ" มาราดถนนทางเสด็จพระราชดำเนินเพื่อมิให้ถนนเกิดฝุ่นแดงคลุ้งเมื่อรถพระที่นั่งแล่นผ่าน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งห้ามว่า ไม่ให้นำน้ำซึ่งเป็นของที่มีค่าหายากมาราดถนนรับเสด็จ แต่ให้ "สงวนน้ำไว้ให้ราษฎรใช้อาบกิน"



“ความสุขของพระองค์ท่านคือการได้ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหากวันนี้ พระองค์ท่านได้เสด็จฯไปตามที่ต่างๆ ที่ได้ทอดพระเนตรสิ่งที่ทรงพัฒนาไว้ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านจะทรงมีความสุขมาก”

ย้อนกลับไปเมื่อ 40-50 ปีก่อน หลายพื้นที่ในประเทศไทย ประชาชนยังประสบกับความยากลำบาก ทั้งในเรื่องความเป็นอยู่และการทำมาหาเลี้ยงชีพ โดยเฉพาะใน “พื้นที่บนดอยสูง” อันห่างไกลความเจริญ

พื้นที่ยิ่งสูง ยิ่งทรมานเพราะความเหน็บหนาว แต่ด้วยน้ำพระราชหฤทัยแห่ง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เปรียบเสมือน “แสงอาทิตย์” ที่ส่องแสงความอบอุ่นมาสู่ “กลุ่มชาติพันธุ์” หรือ “ชาวเขา” เผ่าต่างๆ ให้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการหลวง และทรงเยี่ยมเยียนชาวเขาบนพื้นที่สูง โดยมี ม.จ.ภีศเดช ตามเสด็จฯ ด้วย
เบื้องหลังสายธารแห่งน้ำพระราชหฤทัยอันชุ่มฉ่ำ ท่านภี-หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่รับสนองพระราชดำรินำพาพระเมตตาไปพระราชทานแก่ชาวเขาผ่านการดำเนินงานของ “มูลนิธิโครงการหลวง” ที่วันนี้โครงการหลวงเปรียบดั่ง “ต้นไม้ใหญ่” ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปตามยอดดอยต่างๆ ให้ร่มเงาแก่พี่น้องชาวเขาได้พึ่งพิง

โครงการหลวงปัจจุบันดำเนินโครงการมาถึง 47 ปีแล้ว

ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เปิด “วังประมวญ” ประทานสัมภาษณ์ถึงการดำเนินงานของโครงการหลวงและพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย

“โครงการหลวงเกิดขึ้นจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปทอดพระเนตรชีวิตของชาวเขา ที่ไม่มีความเจริญแม้แต่นิดเดียว ไม่มีราชการ ไม่มีอะไรต่อมิอะไรบนนั้น ไปไหนก็ต้องเดิน อาหารก็ต้องหากิน ในนั้น ชาวบ้านทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น แต่ว่าจน”

“ซึ่งอันนี้ไม่เหมือนคนอื่นคิด อย่างฝรั่งบอกว่า Golden Triangle หรือสามเหลี่ยมทองคำ สามประเทศที่ปลูกฝิ่นร่ำรวยมาก แต่ไม่ใช่ความจริงเลย เป็นสามเหลี่ยมทองคำที่ยากจน คนรวยคือคนซื้อฝิ่น เพราะเขาเอาไปขายต่อๆ กันไป ยิ่งตอนท้ายๆ ยิ่งรวยใหญ่”

เมื่อทรงทราบว่า “ชาวเขาปลูกฝิ่นแต่ยากจน” จึงทรงมีพระราชดำริให้ตั้งโครงการหลวงขึ้นเมื่อปี 2512 ซึ่งเป็น “โครงการส่วนพระองค์” โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 2 แสนบาท สำหรับซื้อที่บริเวณดอยปุยหลังพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ใช้เป็นที่เริ่มต้นทำสถานีวิจัยผลไม้เมืองหนาว เป็นงบประมาณดำเนินงานต่างๆ และจัดซื้อที่ดิน ต่อมาเรียกว่า “สวนสองแสน” ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านแม้ว โดยมีหัวหน้าชาวเขา 18 หมู่บ้าน มารับเครื่องมือการเกษตร มีอาจารย์อาสาสมัครจาก ม.เชียงใหม่ ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.แม่โจ้ มาร่วมประชุมอบรมชาวเขา ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2512 จึงถือเป็นปีต้นกำเนิดโครงการหลวง

“พระองค์รับสั่งกับผมว่า ให้นำผลไม้เมืองหนาวไปปลูกบนดอยและเอาลงมาขายข้างล่าง เมืองร้อน จะได้ราคาที่ดีมาก”

หลังจากรับสนองพระราชดำริมาแล้ว ม.จ.ภีศเดชก็เดินหน้าลุยงานทันที ภายใต้เป้าหมายการดำเนินงานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานว่าให้ช่วยชาวเขาเพื่อมนุษยธรรม ช่วยชาวไทยโดยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ คือ ป่าไม้และต้นน้ำลำธาร กำจัดการปลูกฝิ่น รักษาดินและใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง คือ ให้ป่าอยู่ส่วนที่เป็นป่า และทำไร่ ทำสวนในส่วนที่ควรเพาะปลูก อย่าให้สองส่วนนี้รุกล้ำซึ่งกันและกัน

โครงการหลวงแห่งแรกจึงกำเนิดขึ้นที่ “ดอยอ่างขาง” ต.ม่อนปิน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่นที่มีคุณภาพดีที่สุดของไทยในเวลานั้น

ม.จ.ภีศเดชเล่าว่า เมื่อก่อนอ่างขางมีหมู่บ้านชาวเขา 5-6 หมู่บ้าน มีชาวเขาทุกเผ่าอาศัยอยู่ร่วมกันเต็มไปหมด และทุกคนปลูกฝิ่น แต่ต่อมามีการสู้รบยิงกันบนนั้นของพม่ากับจีนฮ่อ พวกชาวบ้านก็หนีลงมาเกือบหม

“ผมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปดูก็พบว่ายังเหลือชาวเขาอีก 2 หมู่บ้าน เขายังคงปลูกฝิ่นกันอยู่ แต่ยังมีที่ว่างเยอะมาก จึงให้อาจารย์จาก ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่มาทำงานถวายด้วยกันมาดูว่าสามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ทดลองปลูกผลไม้เมืองหนาวได้ไหม อาจารย์ก็บอกว่าใช้ได้”

แต่การจะเปลี่ยนให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นและหันมาปลูก “พืชเมืองหนาว” ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ท่านภีต้องใช้วิธีโน้มน้าวใจด้วยการเข้าไปเป็น “เพื่อน” กับชาวเขา โดยเดินเท้าขึ้นดอยไปเพียงคนเดียว ไม่พกอาวุธป้องกันตัวติดกาย ไม่มีผู้ติดตามเพื่อรักษาความปลอดภัย ท่านภีดำรงตนอย่างธรรมดาที่สุด มีของเพียงไม่กี่อย่างที่มีราคาค่างวด ซึ่งก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ในการเดินทางไกลๆ ยากลำบาก และเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ประกอบด้วย “กระเป๋าเป้” จากฝรั่งเศส “ถุงนอน” จากไต้หวัน และ “รองเท้าบู๊ตทหาร” ซึ่งเป็นของทหารอเมริกันที่ซื้อมาในสภาพมือสองที่สนามหลวง

“ผมเคยเป็นทหารอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเคยเป็นกรรมกรอยู่ที่อังกฤษ ชีวิตผมมันขึ้นลง จากเป็นคนชั้นสูง มาเป็นชั้นกลาง และมาเป็นชั้นต่ำ เป็นกุลีขุดดิน เคยเป็นมาหมด และตอนเป็นทหารผมต้องเดินไกล จึงมีความเชี่ยวชาญในการเดิน”

เพราะอย่างนี้จึงไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลอะไรกับงานนี้ ตรงกันข้าม กลับเป็นเรื่อง “สนุก”

“ผมไม่ได้คิดอะไรเลย การเดินไปตามดอยที่ไม่มีใครอื่นไปเลย ผมสนุกนะ มันตื่นเต้นดี ไม่มีอะไรน่ากลัว อาวุธไม่มี มีแต่มีดพกที่ใช้ตัดนู่นตัดนี่เท่านั้น สะพายเป้ 20 กก. เดินเข้าหมู่บ้านอีก 3 ชม. เป็นเรื่องเล็ก ผมเดินได้ทั้งวัน” ท่านภีเล่าอย่างอารมณ์ดี

“ส่วนการเข้าไปหาชาวบ้าน ผมเห็นว่าถ้าเราจะไปทำงานกับเขา เราต้องเป็นเพื่อนกับเขา ไม่ใช่เป็นข้าราชการ สั่งให้ทำนู่นทำนี่ เพราะการเป็นเพื่อน เขาจะฟังเรา ถกเถียงกันได้ แต่ถ้าเป็นนายสั่ง เขาเถียงอะไรไม่ได้ อีกทั้งความเป็นเพื่อนจะทำให้เขารู้สึกว่า เราไม่เอาเปรียบเขา ถ้าบอกว่าจะช่วย เราก็จะช่วยจริงๆ”

เมื่อเข้าไปอย่างเพื่อน ไปกินไปนอนร่วมกับชาวเขา จึงทำให้ได้รับความ “เชื่อใจ” อย่างรวดเร็ว

“พอคุ้นเคยกันแล้ว ผมก็เอาถั่วแดงหลวงไปให้เขาดู และบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวอยากให้ทดลองปลูกแทนฝิ่น และถ้าผลผลิตออกมาจะช่วยเรื่องขายให้ เขาก็บอกกลับมาว่า ปู่เขาปลูกฝิ่น พ่อก็ปลูกฝิ่น ตัวเขาเองก็ปลูกฝิ่น แต่ดูสิ เขายากจน ลูกเขาไม่มีอาหารกินอย่างเพียงพอ ดังนั้นเขาจะรับถั่วพระเจ้าอยู่หัวไปปลูก”

เหนือสิ่งอื่นใดของความไว้วางใจ ท่านภีบอกว่า เพราะชาวเขาทุกคนรู้ว่า “ผมเป็นลูกน้องพระเจ้าอยู่หัว”

“ผมเป็นข้าราชบริพาร ตอนเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรผมก็เดินอยู่กับพระองค์ท่าน ทรงเห็นเขาปลูกฝิ่น ก็ไม่ได้ทรงว่าอะไรเลย รับสั่งว่ามันผิดกฎหมาย แต่ถ้าจับเข้าคุกก็ไม่มีคุกใหญ่พอ เพราะฉะนั้นเราต้องหาพืชอื่นมาให้เขาปลูกแทน เขาเห็นว่าผมทำงานถวาย พอพูดอะไรกับเขา โดยมากเขาจะเชื่อ”

“อย่างสตรอเบอรี่ บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวอยากให้ลองปลูก ก็มีชาวเขา 3-4 คนอาสาปลูก โดยเราจะส่งนักวิชาการไปให้คำแนะนำและสาธิตการปลูก พอสุกก็เอาไปขายให้ เราช่วยเขาทุกขั้นตอน ได้เงินมาก็เอาไปให้ทั้งหมด พอคนที่เหลือรู้ว่าได้เงินเท่าไหร่ ปีต่อมาทุกคนขอปลูกสตรอเบอรี่หมดเลย”

โครงการหลวงเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา ในการวิจัยการเกษตรบนที่สูงปีละประมาณ 20 ล้านบาท รวมทั้งไต้หวันและมิตรประเทศต่างๆ ที่ทูลเกล้าฯถวายพันธุ์พืชเมืองหนาว ทำให้มีองค์ความรู้ด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาวิจัยเพื่อหาชนิดและพันธุ์พืชที่เหมาะสมต่อการปลูกบนพื้นที่สูง การศึกษาวิธีการปลูก และการปฏิบัติรักษา รวมทั้งงานวิจัยด้านอื่นๆ เช่น สตรอเบอรี่ กาแฟอาราบิก้า พีช สาลี่ พลับ พลัม บ๊วย อโวคาโด กีวี เสาวรส และอีกมากมาย

ณ วันนี้ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงมีทั้งหมด 38 แห่ง กระจัดกระจายอยู่ตามดอยในภาคเหนือตอนบน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน และพะเยา จากผลสำเร็จนี้ เมื่อปี 2537 โครงการควบคุมยาเสพติดของสหประชาชาติ (UNDCP) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณในการแก้ปัญหายาเสพติด โดยส่งเสริมให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น แต่ปลูกพืชอื่นทดแทน กล่าวได้ว่าโครงการหลวงเป็น “โครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นแห่งแรกของโลก”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกปีพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯไปทรงติดตามการดำเนินงานไม่เคยขาด โดยเสด็จฯมาประทับที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ 3 เดือน แล้วเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชาวบ้านตามดอยต่างๆ เสด็จไปทั่ว เวลาทรงเยี่ยมชาวบ้านจะทรงคุกเข่าลงพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง”

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ชาวเขาทูลเชิญขึ้นไปบนบ้าน แล้วก็เอาหมอนเอาที่นอนมาวางให้ประทับ แล้วเอาเหล้าทำเองมาให้เสวย พระองค์ท่านก็เสวยกับเขาอย่างดี ทั้งที่ถ้วยนั้นไม่ค่อยสะอาด ซึ่งผมเห็นถ้วย ผมก็กระซิบให้เสวยนิดหนึ่ง แล้วส่งที่เหลือมาให้ผม แต่ไม่ทรงทำ ทรงแกล้งรับสั่งว่าเหล้านี่ฆ่าเชื้อโรคหมด ถ้าไม่สะอาดก็ไม่เป็นไร แล้วก็เสวยหมดเลย” ท่านภีเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ยังจดจำได้แม่นยำ

กระทั่งปัจจุบัน ผลผลิตต่างๆ ประกอบด้วย ผักปลอดภัยสารพิษ สมุนไพร ถั่วและธัญพืช ผลไม้ เห็ด ดอกไม้เมืองหนาว ผลิตผลปศุสัตว์ ผลิตผลประมง ผลิตผลป่าไม้ ดอกไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์จากแฝก ไม้กระถาง และผลิตภัณฑ์แปรรูปในชื่อการค้าโครงการหลวง สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ชาวเขา ทำให้เลิกการทำไร่เลื่อนลอย และการปลูกฝิ่น หันมาประกอบอาชีพเป็น “ชาวสวน” จำนวนมาก

“เรามีพืชผักและผลไม้มากมายให้ชาวบ้านปลูก ผัก 80 ชนิด เป็นผักที่ไม่เคยมีในเมืองไทย เป็นผักที่ปลูกในเมืองหนาว และวันหนึ่งขายได้ 2 ล้านบาท หักค่าขนส่งอะไรต่างๆ หมดแล้ว เงินก็เป็นของชาวเขาทั้งหมด

นับว่าโครงการหลวงได้เข้ามา “ชุบชีวิต” ชาวเขาจากมีชีวิตยากจนแร้นแค้นให้ลืมตาอ้าปากมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“เมื่อเร็วๆ นี้ ผมไปหมู่บ้านที่แม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่พระเจ้าอยู่หัวทรงเคยประทับเฮลิคอปเตอร์ผ่าน และทอดพระเนตรลงมาเห็นหมู่บ้านข้างล่าง จึงให้ผมเข้าไปดูและแนะนำให้ปลูกนั่นปลูกนี่ทุกวันนี้ ที่นี่มีถนนลาดยางอย่างดี ปลูกผักเป็นขั้นบันได และชาวบ้านที่นี่ทุกคนมีรถยนต์ใช้ทุกบ้าน”

“หรืออย่างที่อ่างขาง ปีหนึ่งๆ 1 ครอบครัวปลูกสตรอเบอรี่ได้ 3-6 แสนบาทต่อ 1 ไร่ ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก การได้เห็นชาวเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็ดีใจ”

จะว่าไปแล้ว โครงการหลวงเป็นผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ในเมืองไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำผักผลไม้เมืองหนาวที่ไม่เคยมีในเมืองไทยมาปลูกและจัดจำหน่าย วิธีการเพาะปลูกแบบออร์แกนิค ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมสำหรับคนรักสุขภาพในเวลานี้ หรือการอนุรักษ์ป่าไม้ให้ชาวบ้านอยู่ร่วมกับป่าได้

“ตอนนี้คนไทยไม่ต้องซื้ออาหารจากเมืองนอก โดยเฉพาะผักผลไม้ นอกจากโครงการหลวงจะทำประโยชน์ให้กับชาวเขาแล้ว เรายังทำให้คนข้างล่างได้กินของอร่อยกว่าเดิมเยอะ ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ เพราะเราปลูกผักปลอดสารพิษ ส่วนเรื่องการทำลายป่าก็ไม่มี เราทำป่าชาวบ้านให้ชาวบ้านปลูกและตัดไม้เองได้”

ไม่เพียงเท่านั้นความสำเร็จของโครงการหลวงยังเผยแพร่องค์ความรู้ไปพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า ภูฏาน และมีประเทศต่างๆ เช่น โคลอมเบีย เข้ามาขอดูงานเป็นระยะๆ ซึ่งโครงการหลวงก็ได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้เป็นโครงการที่ยั่งยืน

“โครงการของเราเป็นแห่งเดียวในโลกที่ทำแล้วสำเร็จ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้คือชาวบ้านรวย บ้านเมืองเจริญ มีถนน ไฟฟ้า และคนข้างล่างได้ประโยชน์ได้กินของอร่อยๆ ป่าไม้บนดอยไม่ถูกทำลาย นี่คือความสำเร็จของโครงการหลวงจากพระเมตตาของพระเจ้าอยู่หัว”

ทุกวันนี้ หม่อมเจ้าภีศเดชยังคงเดินทางไปทำงานที่เชียงใหม่ 3-4 วันต่อสัปดาห์ และน้อยคนนักจะรู้ว่า ตลอด 47 ปี ของการทำงานในโครงการหลวง ม.จ.ภีศเดชทำงานในฐานะ “อาสาสมัคร” ไม่รับเงินเดือน เช่นเดียวกับนักวิชาการและเจ้าหน้าที่อีกหลายคน

“พระองค์รับสั่งให้ทำงานโครงการหลวงแบบ “ปิดทองหลังพระ” คือตั้งใจทำงานอย่างเงียบๆ ไม่โฆษณาออกตัว เพราะเป็นโครงการส่วนพระองค์ และเป็นโครงการต้นแบบที่ทรงริเริ่มเพื่อให้รัฐบาลเอาไปสานต่อ” ท่านภีกล่าว และว่า

“40 กว่าปีที่ทำมา ผมทำด้วยความศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และศรัทธาในงาน ไม่มีการน้อยใจ เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อจะใหญ่โต เราไม่ได้เป็นราชการ เราทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

“เมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์ท่านรับสั่ง “ท่านภีทำดี” เป็น 3 คำที่ผมดีใจมาก ไปบอกพรรคพวก พวกเขาดีใจใหญ่ เพราะนี่ไม่ใช่งานที่ท่านภีทำคนเดียว แต่เป็นงานของพวกเขาด้วย”

ซึ่งท่านภีบอกว่า ไม่ใช่เฉพาะผู้ปฏิบัติงานเท่านั้นที่ดีใจ เพราะในพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสนพระทัยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตลอดระยะเวลาการครองราชย์ 70 ปี

“ความสุขของพระองค์ท่านคือการได้ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหากวันนี้ พระองค์ท่านได้เสด็จฯไปตามที่ต่างๆ ที่ได้ทอดพระเนตรสิ่งที่ทรงพัฒนาไว้ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านจะทรงมีความสุขมาก”

Cr : http://www.matichon.co.th/news/163716



ในหลวงกับแผนที่

เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ พระองค์ท่านจะต้องใช้แผนที่เป็นคู่มือทุกครั้ง ในห้องทรงงานที่พระตำหนักทุกๆ แห่ง ทั่วประเทศ จะมีแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ ติดฝาห้อง และแผนที่ ที่ขยายเฉพาะส่วน ก็มีอีกหลายแผ่น ฉบับที่ทรงถือติดพระหัตถ์นั้น ความจริงมีขนาดใหญ่มาก เพราะทรงนำแผนที่มาต่อกันถึง ๙ แผ่น หรือ ๙ ระวาง แต่ทรงหาวิธีพับแบบพิเศษ จนมีขนาดที่ทรงถือได้สะดวก และพลิกออกมาทอดพระเนตรได้ง่าย ทรงตรวจสอบแผนที่เสมอ ไม่ว่าจะเสด็จฯ ที่ไหน แม้ขณะทรงขับรถเอง ก็มีแผนที่วางอยู่ข้างพระองค์ตลอดเวลา

ถ้าประทับเฮลิคอปเตอร์ ก็จะทอดพระเนตรสภาพพื้นที่จริงเบื้องล่าง เปรียบเทียบไปกับแผนที่ตลอดทาง ไม่มีการหลับเด็ดขาด เสด็จฯ ไปถึงที่หมายแล้ว จะทรงถามชาวบ้านว่า ชื่อหมู่บ้าน แม่น้ำลำคลอง หรือถนน ตรงกับแผนที่ไหม มีหมู่บ้านใดเกิดขึ้นมาใหม่บ้าง ถ้ามีข้อมูลที่ต่างไปจากแผนที่ จะโปรดฯ ให้นายทหารแผนที่จดไว้ และนำไปแก้ไข ในการพิมพ์แผนที่ครั้งต่อไป ให้ถูกต้อง หากมีโครงการสร้างเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำ ทรงสามารถคำนวณพื้นที่รับน้ำคร่าวๆ ได้จากแผนที่ของพระองค์เอง ทรงชำนาญมาก จนทอดพระเนตรความสูงต่ำของภูมิประเทศได้ ราวกับทอดพระเนตรพื้นที่จริง นักวิชาการหลายท่านทราบดี ถึงพระปรีชาสามารถด้านการทรงงานแผนที่ ของพระองค์ท่านดี และความที่ทรงแม่นยำในแผนที่นี้ ทำให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้วย พลอยกระตือรือร้น ศึกษาหาความรู้เรื่องแผนที่ไปด้วย

พระราชดำรัสของ : สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระราชทานแก่คณะบุคคล ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯวันพุธที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ฎีกาของอีหั้ว

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินให้ชาวเขาเฝ้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฎีกาเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดเห็นจะเป็นฎีกาจากสาวแม้วชื่อ อีหั้ว (อีเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของชื่อ) เริ่มต้นอีหั้วบ่นกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จฯ ทรงผ่านคดีไปศาลสูงสุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

อีหั้วมีลูกแล้วหนึ่งคน แต่สามีไปอยู่กับหญิงอื่น แล้วไม่ให้ข้าว คือไม่เลี้ยงดู นางอยากจะเลิกกับสามี "เฮาจะได้ไปเอาผัวใหม่" แต่สามีไม่ยอมให้เลิก ศาลเรียกสามีมาสืบคดี ได้ความว่าสามีซื้ออีหั้วโดยผ่อนส่งเอาไว้ คือ จ่ายหมูแล้วครึ่งตัว ขาดไก่ราวสองตัวและเงินแถบ (เหรียญเงินจากพม่า) อีกเล็กน้อย

ถ้าหย่าไปก็เสียหมูเปล่า เคยเจรจาจะเอาหมูคืน พ่อเจ้าสาวก็เสียดายหมู ไม่ยอมรับลูกสาวแลกเปลี่ยน อันศาลธรรมดาๆ นั้น ย่อมมีอำนาจที่จะปรับไหมได้แต่ศาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับพระราชทานเงินทดแทนแก่จำเลย คือสามีอีหั้ว ซึ่งแปลกมาก

ต่อไปเมื่อผู้เขียนไปเยี่ยมหมู่บ้านแม้ว เขาถามผู้เขียนว่า ..."พระเจ้าๆ พระเจ้าอยู่หัวเอาเมียแม้วเหรอ" เรื่องนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็รับสั่งยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่าระบาดเข้าไปถึงแม้วในลาว

ดังนั้นผู้เขียนก็จำต้องถวายรายงาน มีรับสั่งว่าที่ทรงซื้ออีหั้วไว้นั้น "ฉันให้ท่านภี"

ตั้งแต่นั้นมาเมื่อผู้เขียนไปหมู่บ้านของอีหั้ว คือขุนวาง ผู้เขียนก็จะคลี่ถุงนอนปูที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ผู้เขียนจะเอากับข้าวมอบให้แม้วทำ แล้วก็ตั้งวงรับประทานด้วยกัน อีหั้วซึ่งอยู่คนละบ้าน จะต้องเอาอาหารอร่อยๆ เช่น อีเก้งต้ม เป็นต้น มาให้ในฐานะภรรยาที่ดี เรื่องนี้ไม่ลงเอยอย่างหวานฉ่ำเหมือนกับเรื่องอ่านเล่น เพราะเมื่อผู้เขียนไม่ไปหมู่บ้านขุนวาง นานหน่อยอีหั้วก็ไป "เอาผัวใหม่" โดยไม่ได้คืนหมูให้ผู้เขียนซึ่งเป็นเรื่องเศร้ามาก

ที่มา :หนังสือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับโครงการหลวง" โดย หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



"...ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกปีพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯไปทรงติดตามการดำเนินงานไม่เคยขาด โดยเสด็จฯมาประทับที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ๓ เดือน แล้วเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชาวบ้านตามดอยต่างๆ เสด็จไปทั่ว เวลาทรงเยี่ยมชาวบ้านจะทรงคุกเข่าลงพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง..."

"...มีอยู่ครั้งหนึ่ง ชาวเขาทูลเชิญขึ้นไปบนบ้าน แล้วก็เอาหมอนเอาที่นอนมาวางให้ประทับ แล้วเอาเหล้าทำเองมาให้เสวย พระองค์ท่านก็เสวยกับเขาอย่างดี ทั้งที่ถ้วยนั้นไม่ค่อยสะอาด ซึ่งผมเห็นถ้วย ผมก็กระซิบให้เสวยนิดหนึ่ง แล้วส่งที่เหลือมาให้ผม แต่ไม่ทรงทำ ทรงแกล้งรับสั่งว่าเหล้านี่ฆ่าเชื้อโรคหมด ถ้าไม่สะอาดก็ไม่เป็นไร แล้วก็เสวยหมดเลย..."

#ม.จ.ภีศเดช รัชนี


ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์

หัวหน้าฝ่ายช่างภาพประจำพระองค์นายอาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่ง และเรื่องราวความเป็นมาของภาพต้องใช้เวลาสืบค้นนานถึง ๔๐ ปี

ที่จังหวัดนครพนม บ่ายวันที่ ๑๓ พ.ย.๒๔๙๘ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวต่างพากันอุ้มลูกจูงหลานหอบกับมารับเสด็จที่ริมถนน อย่างเนืองแน่น ดังเช่น ครอบครัวจันทนิตย์ ที่ลูกชายช่วยกันนำแม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ วัย ๑๐๒ ปี ไปรอรับเสด็จห่างจากบ้านประมาณ ๗๐๐ เมตร โดยได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน ๓ ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้า เพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สด เปลวแดดร้อนตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แสงแดดเผาเอาจนดอกบัวภายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังคงเบิกบาน


เมื่อเสด็จฯ มาถึงบริเวณสามแยกชยางกูร – เรณูนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หยุดรถพระที่นั่ง เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จ เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าตุ้มได้ยกดอกบัวสายที่โรยราสามดอกนั้นขึ้นจรดเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์เกือบชิดศีรษะแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลและยื่นพระหัตถ์แตะมืออันกร้านคล้ำของหญิงชราชาวอีสานอย่างอ่อนโยน เป็นภาพที่ไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยาย ไม่มีใครทราบว่าได้รับสั่งกับแม่เฒ่าอย่างไร แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าจะไม่มีวันลืม

เช่นเดียวกับในหลวงที่ไม่ทรงลืมพสกนิกรชาวไทย หลังจากเสด็จฯ กลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวังได้จัดส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมกับพระบรมรูปหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาพระราชทานผ่านทางอำเภอพระธาตุพนม ให้กับแม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ นำความปลื้มปิติยินดี ซึ่งอาจมีส่วนชุบชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวด้วยความสุขต่อมาอีกถึง ๓ ปี จึงถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่ออายุได้ ๑๐๕ ปี

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม




ประทับกลางดวงใจ

ทุกครั้งที่ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในชนบทห่างไกล ราษฎรไทยต่างพากันอุ้มลูกจูงหลานมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ด้วยหัวใจที่จงรักภักดี ถึงจะต้องเดินทางมาเป็นเส้นๆ หรือกิโลเมตรก็ไม่ย่อท้อ บางรายถึงกับเดินมาสองวันสองคืนก็มี หอบข้าวหอบปลากันมากิน ให้คอยนานเท่าใดก็คอยได้ บ้างเจ็บไข้ลุกไม่ขึ้นก็ลืมป่วยมายืนคอยได้อย่างแข็งแรง บ้างเตรียมผ้าห่มมาให้ทรงเหยียบเพื่อที่จะเก็บรอยพระบาทไปกราบไหว้บูชา บ้างนำขันใส่น้ำมาขอให้ทรงจุ่มพระหัตถ์เพื่อจะนำไปเก็บไว้เป็นของสิริมงคลประจำบ้า


และไม่ว่าจะยากจนเท่าใดก็ยังกุลีกุจอหา "ของที่ดีที่สุด" ที่พวกเขามีอยู่มาถวาย ของที่ชาวบ้านนำมาทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัวของพวกเขานี้มี อาทิ ปลาเค็มแห้งห่อใบตองวางบนข้าว ข้าวเม่า ข้าวเหนียว หมอน ผ้าที่ทอเอง ดอกไม้ป่า ดอกพุทธรักษา ธูปเทียน บางทีถวายกล้วย ๑ หวี ข้าวเหนียว ๑ กระติบก็มี

เล่ากันว่ามีชายคนหนึ่งยากจนมาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ยังอุตส่าห์ฝากนายตำรวจราชองครักษ์ให้ช่วยถวายเงินเหรียญหนึ่งบาทให้ในหลวงด้วย ยังมีสิ่งของอีกมากมายที่ราษฎรตั้งอกตั้งใจนำมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของบางชิ้นไม่มีราคาค่างวด แต่สูงส่งด้วยค่าทางใจ ซึ่งต้องเป็นคนที่รักใคร่ชอบพออย่างที่สุดเท่านั้นที่จะยอมมอบให้ ดังเช่น สตรีชาวพัทลุงที่นำผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์มาถวาย ทั้งๆ ที่นางมีบุตรชายอยู่ ๔ คน และทั้งสี่คนเพียรขอผ้ายันต์ผืนนี้ แต่นางก็หวงไว้ไม่ยอมให้ ตั้งใจจะถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียว


อีกครั้งหนึ่ง หญิงชาวพิจิตรกวักมือไปที่สมเด็จฯ แล้วถอดสร้อยคอออก แกะพระองค์เล็กๆ ส่งถวาย ทูลว่า....

"...นี่ของแท้นะจ๊ะ ได้มาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายทีเดียว..."

สมเด็จฯ รับสั่งว่า...

"...ของดีอย่างนี้ ทำไมไม่เก็บไว้เองเล่า..."

เขาทูลว่า...

"...ฉันรักท่าน อยากให้ท่านมีไว้..."

หรือคราวเสด็จหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านเผ่าเย้าชื่อนายรามัน แซ่ผ่าน ซาบซึ้งมากที่เสด็จฯ มาเยี่ยมและทรงช่วยเหลือพวกเขา ถึงกับนำกำไลหยกประจำตระกูลมาถวาย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทรงขัดศรัทธาของราษฎรในการทูลเกล้าฯถวายสิ่งของเหล่านี้เลย ไม่ว่าของที่ถวายจะเป็นเพียงกล้วยน้ำว้าผลหนึ่งหรือไข่ต้มสองฟอง ในคราวหนึ่งที่เสด็จฯโดยรถยนต์จากเชียงใหม่ไปป่าซาง ลำพูน ระยะทางเพียง ๒๖ กิโลเมตรโปรดให้หยุดรถพระที่นั่งเพื่อรับของที่ราษฎรถวายกว่า ๑๐ ครั้ง

เพราะทรงตระหนักว่าราษฎรตั้งใจถวายสิ่งของมีค่า "ที่สุดเท่าที่มี" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงไม่เคยปฏิเสธ "น้ำใจ" จากพวกเขาเลย

ครั้งหนึ่ง ขณะที่เสด็จฯ ไปทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรฯ มีผู้ชายวิ่งตามรถพระที่นั่ง ปากร้องตะโกนว่า...

"...หยุดก่อน หยุดก่อน..."

เมื่อทอดพระเนตรเห็นจึงรับสั่งให้หยุดรถพระที่นั่ง ชายผู้ซึ่งยังหอบแฮกอยู่ ล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมา ๕๐ บาท ยกมือขึ้นและวางลงในพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทูลว่า..." ขอทำบุญด้วย "

Cr : หนังสือหนึ่งร้อยเรื่องในรอยจำ

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ให้เพราะความดีของในหลวง

เมื่อชาวบ้านตระหนักว่าในหลวงมาเพื่อให้ โดยไม่ทรงหวังสิ่งใดเป็นการตอบแทน พวกเขาก็พร้อมที่ทูลเกล้าฯถวายทุกอย่างในชีวิตได้โดยไม่เสียดายเช่นกัน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เคยให้สัมภาษณ์ ถึงการให้ของชาวบ้านไว้อย่างน่าประทับใจว่า ....

คนที่จนที่สุดอยู่ในพื้นที่ ที่ทุรกันดารที่สุด พอท่านเสด็จไป เขาถวายเงินนี่ยู่ยี่เลยนะครับ ผมรู้เลยว่าอาจเป็นแบงค์ใบสุดท้ายที่อยู่ในตัวของแก พอปลิ้นออกมานี่ยู่ยี่ มาจากขอบเข็มขัดเพื่อถวายให้ในหลวง เราอยู่ในอารยธรรมที่อาจควักเงินทีละเป็นปึกจากกระเป๋า แต่สำหรับคนจนเขาให้ในสิ่งที่เป็นชีวิตของเขา อาจเป็นข้าวมื้อนั้นในวันนั้นของเขา หรือข้าวตลอดทั้งเดือนของเขา ชาวบ้านนี่พร้อมเลย

" พร้อมที่จะถวายอะไรก็ได้ แม้แต่ชีวิต..."

จากบทสัมภาษณ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
นิตยสารสไตล์ ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ พ.ศ. ๒๕๓๐

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม



ตามรอยเท้าพ่อ

"...เหตุที่ชอบการพัฒนาช่วยเหลือประชาชนนั้น เห็นจะเป็นเพราะความเคยชิน ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ก็เห็นทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงคิดหาวิธีต่าง ๆ ที่จะยกฐานะความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น ได้ตามเสด็จเห็นความทุกข์ยากลำบากของพี่น้องเพื่อนร่วมชาติก็คิดว่าช่วยอะไรควรช่วย ไม่ควรนิ่งดูดาย เมื่อโตขึ้นพอมีแรงทำอะไรได้ก็ทำไปอย่างอัตโนมัติ โดยทำตามพระราชกระแส หรือทำตามแนวพระราชดำริ การช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องทำประจำอยู่แล้ว "

ส่วนหนึ่งจากบทพระราชทานสัมภาษณ์ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๘

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้ในหลวงและพระราชินี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



วิธีการเลี้ยงหมูของในหลวง

ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานโคพันธุ์และสุกรแก่ชาวไทยภูเขาภาคเหนือ ในครั้งนั้นมีนักวิชาการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามเสด็จไปด้วย พระองค์โปรดฯ ให้นักวิชาการเกษตรอธิบายหลักโภชนาการ การเลี้ยงดูสุกรและนักวิชาการเหล่านั้นได้ใช้ศัพท์ต่างๆ มากมายที่ชาวเขาฟังแล้วและคงไม่เข้าใจ พระองค์ทรงปล่อยให้นักวิชาการพูดอธิบายประมาณครึ่งชั่วโมง ทรงสังเกตเห็นพวกเขานั่งฟังตาปริบๆ ทรงถามนักวิชาการว่า ....

"...จบแล้วหรือยัง..."

นักวิชาการกราบบังคมทูลว่า....

"...จบแล้วพระพุทธเจ้าข้า..."

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระราชดำรัสว่า ถ้าอย่างนั้นฉันพูดบ้างนะ แล้วพระองค์รับสั่งกับชาวเขาว่า .....

"...ฟังให้ดีๆนะ จะเลี้ยงหมูให้มันอ้วนโตเร็วๆ ต้องให้มันกินให้อิ่ม..."

แล้วทรงหันมาทางนักวิชาการ รับสั่งว่า..."..จบแล้ว.." ทำเอาผู้ตามเสด็จอมยิ้มไปตามๆ กัน

Cr : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชกับการอนุรักษ์ภาษาไทย ของ นวรัตน์ พลเดช

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas


อ่านต่อ

ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ภาค 1

ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ภาค 3
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า