ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ตอนที่ 3

๗๕ ภาพ เล่าเรื่องพระเจ้าแผ่นดิน


ธ สถิตกลางใจราษฎร์

เช้าตรู่ของวันหนึ่ง เมื่อหลายสิบปีก่อน เด็กนักเรียนห้องผมพากันตื่
นเต้น เพราะคุณครูประจำชั้นบอกว่า...

"...วันนี้พวกเราจะได้รับเส
ด็จในหลวงกัน.."

หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จคุณครูก็พาพวกเราไปนั่งรออยู่ริมถนนหน้าโรงเรียน แล้วแจกธงชาติอันเล็กๆ ให้ พร้อมกับบอกให้พวกเราช่วยกันโบกธงตอนที่รถของในหลวงวิ่งผ่านไป

รออยู่นานเกือบสองชั่วโมง คุณครูก็เดินหน้าเศร้ามาบอกกับพวกเราให้กลับเข้าห้องเรียน เพราะขบวนเสด็จจะไม่ผ่านมาทางหน้าโรงเรียนของเราแล้ว เนื่องจากถนนหน้าโรงเรียนเป็นเส้นทางที่อ้อมมาก มีถนนเลี่ยงเมืองอีกสายหนึ่งที่จะวิ่งไปหัวหินได้เร็วกว่า

ทุกคนหน้าเศร้ารู้สึกเสียใจ เพราะนักเรียนในห้องของผม ยังไม่เคยมีใครเคยได้เห็นในหลวงองค์จริงๆ กันเลยสักคนเดียว แต่ขณะที่เด็กๆ กำลังจะเดินกลับห้องไปเรียนหนังสือตามปกตินั่นเอง ก็มีเสียงรถนำขบวนของตำรวจดังขึ้น

คุณครูเรียกให้ทุกคนกลับมานั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที รถของในหลวงก็ค่อยๆ แล่นผ่านไป
พวกเราโบกธงชาติในมือ พร้อมกับตะโกนคำว่า "ทรงพระเจริญ" เสียงดังลั่น

ผมยังจำได้ว่ารถค่อยๆ ชะลอช้าลง พระองค์ทรงเปิดกระจก และโบกมือทักทายเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลราชบุรี พระพักตร์มีรอยแย้มสรวล

หลายวันต่อมาผมจึงได้รู้ว่า ขณะกำลังจะเสด็จออกจากศาลากลางจังหวัด ในหลวงทรงทราบจากศึกษาธิการจังหวัดว่า มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งมานั่งรอรับเสด็จพระองค์ตั้งแต่เช้า แทนที่จะวิ่งออกถนนเพชรเกษม

พระองค์จึงมีรับสั่งให้ขบวนเสด็จย้อนกลับมาทางถนนศรีสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่อ้อมกว่า เพียงเพื่อจะผ่านโรงเรียนอนุบาลราชบุรี ให้เด็กนักเรียนที่เฝ้าฯรอรับเสด็จได้เห็นพระองค์ สมกับที่มาเฝ้ารอคอยนานนับชั่วโมง

เอกสารประกอบการเขียน/ขอบคุณ
- ทั้งหมดที่ท่านอ่านมา เป็นเรื่องเล่าโดย นพ.พงศกร วัฒนะจินดา นักเขียนนวนิยายชื่อดัง เจ้าของผลงาน สาปภูษา รอยไหม กี่เพ้า สิเน่หาสาหรี ฯลฯ ที่ส่งต่อๆ กันมาผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นเรื่องเล่าเล็กๆ เรียบง่าย แต่ให้ความซาบซึ้งใจ และเห็นถึงความรักความเมตตาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์
- เรียบเรียง สิริเดชะกุล

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ตามรอยเบื้องยุคลบาท

“… ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก
 ในครอบครัวและบรรดาผู้อยู่รอบข้างมักจะพูดจาหารือกันเรื่องการพัฒนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วประเทศ เพื่อทรงงานด้านการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาชนบทห่างไกล การพัฒนาไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆ ล้วนแต่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ข้าพเจ้ามีโอกาสตามเสด็จไปเกือบทุกที่ …” 

“… อย่างเราๆ นั้นมีโอกาสที่ดีมาก มีอาหารการกินที่ดีทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้ และยังมีโอกาสได้รับการศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นจะได้รับการศึกษาคงจะไปไม่ถึงระดับที่เราได้ ส่วนที่เราได้รับก็เป็นพิเศษแล้ว เพราะฉะนั้นในเมื่อเราเป็นบุคคลพิเศษได้โอกาสดีกว่าคนอื่น ก็เท่ากับประชาชนทั้งชาติสนับสนุนมาให้ทุนมา ให้ศึกษาได้ถึงระดับอุดมศึกษา ก็จะต้องมีหน้าที่ที่จะต้องทำอะไรตอบแทน เพื่อให้ ผู้ร่วมชาติที่สนับสนุนเราได้มีโอกาสดีขึ้นกว่านี้…”

ส่วนหนึ่งของพระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ๑๙ มิถุนายน ๒๕๓๐ ณ ศาลาดุสิดาลัย

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้ในหลวงและพระราชินี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



เมื่อคนไทยในต่างแดนพบพระเจ้าอยู่หัว

"... ช่างฝรั่งเป็นไรเพคะ เสด็จมาทั้งที เป็นตายร้ายดีต้องกราบให้ถึ
งพระบาทให้ได้ แล้วก็มีการบ่นดังๆ อีกว่า เรื่องอะไรของฝรั่ง เขาจะกราบไหว้พระเจ้าแผ่นดินของเขา ถึงม้าจะเหยียบก็ยอม คนอะไรมากันไว้ไม่ให้เขาเข้าเฝ้า...."

สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าเหตุการณ์ที่น่าตี้น
ตันใจที่เกิดขึ้น ณ เมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งขออัญเชิญมาลงไว้ ณ ที่นี้ว่า

ขณะที่ขบวนรถม้าพระที่นั่งซึ่งพระราชินีนาถจูเลียนาทรงส่งมารับเสด็จแล่นมาถึงหน้าพระราชวัง และพระราชินีทรงชวนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงจากม้า เพื่อเสด็จพระราชดำเนินเข้าพระราชวังนั้น ก็ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์น่าตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ด้วยมีกลุ่มสตรีผิวสีเข้มอย่างคนไทยกลุ่มหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นกลุ่มหญิงไทยที่สมรสกับฝรั่งชาวดัทช์และอพยพมาอยู่ในเมืองเฮก พากันแหวกประชาชนชาวดัทช์และขบวนรถม้าทั้งที่แห่นำและตามเสด็จ เข้ามาหมอบกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถถึงกลางถนนอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายจากการถูกม้าเหยียบ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าเหตุการณ์ระทึกนี้ว่

"..ข้าพเจ้าเองเมื่อเห็นสตรีเหล่านั้นฝ่าอันตรายเข้ามาก็ใจหาย รีบบอกว่าอย่าลงหมอบกราบกลางถนน เดี๋ยวฝรั่งจะตกใจแล้วก็จะเป็นอันตรายด้วย แต่เขากลับร้องว่า ช่างฝรั่งเป็นไรเพคะ เสด็จมาทั้งที เป็นตายร้ายดีต้องกราบให้ถึงพระบาทให้ได้ แล้วก็มีการบ่นดังๆ อีกว่า เรื่องอะไรของฝรั่ง เขาจะกราบไหว้พระเจ้าแผ่นดินของเขา ถึงม้าจะเหยียบก็ยอม คนอะไรมากันไว้ไม่ให้เขาเข้าเฝ้า..."

#จากร้อยเรื่องในรอยจำ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวและความรักและประทับใจระหว่างคนไทยกับในหลวง จึงขอทำหน้าที่เป็นสื่อกลางนำเรื่องราว เหล่านั้นมาบอกต่อ เพื่อนสมาชิกให้ได้รับรู้ถึงพระราชจริยวัตรนั้นงดงาม

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



แซ็กโซโฟน และ FBI ของในหลวง

ก่อนจะออกเดินทางมาจากสหรัฐ
อเมริกา บรรณาธิการนิตยสาร Look ได้สั่งนาย GEREON ZIMMERMAN มาว่า...

"...เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
 อย่าลืมกราบทูลถามเรื่องแซ็กโซโฟนทองคำด้วยนะว่ามันอย่างไรกันแน่ ราคาโดยประมาณสักเท่าใด ทำที่สวิตเซอร์แลนด์ หรือที่ไหน..."

เมื่อได้มานั่งอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ในวังสวนจิตรฯแล้ว นายซิมเมอร์แมน พยายามเลียบเคียงอยู่นาน ก็ยังไม่ได้จังหวะเหมาะที่จะทูลถามเรื่องที่บรรณาธิการอยากให้ถาม ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งขึ้นมาเองว่า...

"...หนังสือพิมพ์ที่อเมริกาพากันลงว่า เป็นกษัตริย์ที่คลั่งดนตรี...ซึ่งก็ไม่ว่าอะไร แต่ที่ไปลงจนเลยเถิดกันไปว่าแซ็กโซโฟนที่เป่าอยู่เป็นประจำนี้เป็นแซ็กโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก บางฉบับก็เขียนว่าชอบขับรถซิ่ง ก็เอาเถอะ ยอมให้ไม่ถือสาหรอก แต่ไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นการสร้างสรรค์ หรือเป็นประโยชน์อันใดแก่ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา..."

ต่อจากนั้นผู้แทนนิตยสาร Look ได้กราบทูลว่า ทรงโปรดดนตรีของวง "เดอะ บีทเทิลส์" หรือไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วรับสั่งว่า...

"...ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า แท้จริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าออกประเทศอังกฤษ..."

ได้ทรงมีพระกระแสรับสั่งต่อไปอีกว่า...

"...คนหนุ่มสาวสมัยนี้เขาช่างสังเกตมาก และมีความคิดก้าวหน้า ลูกสาวคนโตเขามาหาตอนอายุสิบเอ็ด แล้วบอกว่าอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ รู้สึกว่ามีความตั้งใจมาก..."

ถึงตอนนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถรับสั่งเสริมขึ้นว่า...

"...ลูกคนนี้เขาเดินตามรอยเสด็จพ่อ แต่ข้าพเจ้านั้นวิชาคำนวณอ่อนมาก..."

ในอีกตอนหนึ่งของการพระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้แทนของนิตยสาร Look วันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งเล่าให้ฟังว่า แต่ละปีจะเสด็จไปเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกตถึงสามครั้ง และจะทรงประพรมน้ำพระมหาสังข์ ให้แก่บรรดาข้าราชการที่ตามเสด็จเข้ามาในโบสถ์ น้ำนั้นถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้าราชการเหล่านั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ทรงพระกรุณาประพรมให้ ต่อมาก็ทรงนึกถึงชาวบ้านธรรมดานอกโบสถ์ ซึ่งอยากให้ประพรมน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย รับสั่งในตอนนี้ว่า...

"...คนเราถ้าเชื่อว่าน้ำนั้นจะเป็นสิ่งนำความดีงามมาสู่ชีวิต ก็จะได้รับความดีงาม และโชคลาภตามความเชื่อ..."

ตอนแรกนั้นมีคนขับแท็กซี่คนหนึ่งกลับไปบอกเพื่อนว่าในหลวงประพรมน้ำมหาสังข์ให้ เพื่อนของเขาไม่ยอมเชื่อ เพราะว่าในหลวงคงไม่ทำเช่นนั้นแน่! แต่ได้ประพรมให้เขาจริง และเขาก็มีความสุขในทันที ถ้าโผล่เข้าไปดู จะเห็นว่าคนที่นั่งรอรับน้ำพระมหาสังข์อยู่นั้น มีทั้งชาย หญิง เด็ก นักท่องเที่ยว และคนขับแท็กซี่ ใครจะมาจะไปก็ได้

เมื่อประธานาธิบดีของท่านมาเยือนเมืองไทย มีพวก FBI และหน่วย ร.ป.ภ.ห้อมล้อมกันหนาแน่นไปหมด จนหาทางเดินไม่ได้ ถ้าฉันมาวัดพระแก้วแบบนั้น ก็ไม่สามารถจะใกล้ชิดกับประชาชนได้ ถ้าผู้คนเบียดกันเข้ามาใกล้เกินไป จะมีคุณยายพูดขึ้นว่า...

"...หลีกทางให้ในหลวงหน่อยเถอะ..." คุณยายนั่นแหละคือ FBI ของฉัน

เวลาไปตามหัวเมือง ชาวนาจะมีของมาให้ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง และสตรอเบอร์รี่งามๆ ซึ่งเขาปลูกเอง ชาวนาบางคนได้ทุนไปอเมริกา เขาจะมาหาแล้วถามว่า "จะทำอย่างไรดี? จะวางตัวแบบไหน?" ก็บอกไปว่าให้เป็นตัวของตัวเอง " ให้ดูแบบอย่างที่ดีๆ แล้วนำของใหม่ๆ มาปรับใช้ในเมืองไทย ครั้นกลับมาแล้ว ก็มาหาอีก ไม่มีใครห้ามเขาได้ที่จะไม่ให้มาหา"

หลังจากนั้น ก่อนที่ผู้แทนนิตยสาร Look จะกราบทูลลา ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานเลี้ยงน้ำชา พร้อมด้วยผลไม้ คือ แตงโม และมังคุด ซึ่งผู้แทนของ Look ตื่นเต้นมากที่เห็นแตงโมในลักษณะลูกกลมๆ ขนาดเล็ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งเมื่อผู้แทนของนิตยสาร Look และช่างภาพกราบทูลลาว่า....

"...ฉันเป็นกษัตริย์ที่ได้รับเลือกตั้งขึ้นมา ถ้าประชาชนเขาไม่ต้องการฉัน เขาก็ไล่ฉันออกก็ได้จริงไหม? แล้วฉันก็กลายเป็นคนว่างงาน..."

รายละเอียดของการพระราชทานสัมภาษณ์คราวนั้น ผู้ที่สนใจค้นคว้าจะหาอ่านได้จากนิตยสาร Look ฉบับวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๑๙๖๗ เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางการดนตรีนี้ นักดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงหลายคนของอเมริกา ชื่นชมในพระปรีชาสามารถทางการดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างสูง เพราะทรงใช้เครื่องเป่าได้อย่างคล่องแคล่วทุกชนิด เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ พระองค์ได้เสด็จฯ ไปที่บ้านเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ค ทรงดนตรีที่นั่น หลังจากนั้นเบ็นนี กู๊ดแมน ยอดนักดนตรีแจ๊สของอเมริกา ได้กราบบังคมทูลเชิญไปที่บ้านของเขาที่ถนนที่ ๖๖ เธิร์ด อเวนิว นักดนตรีผู้ร่วมวงอยู่ด้วยเล่าว่า....

"...ทรงพระสำราญมากในคืนนั้น ทรงเป็นกันเองกับพวกเรามาก เป็นวาระที่พวกเราจะจดจำไปชั่วชีวิต..."

ก่อนหน้านั้น คงจำกันได้ว่า ครั้งหนึ่ง ไมค์ ทอดด์ ได้เคยเสนอบทเพลงพระราชนิพนธ์หลายเพลง รวมทั้ง "Blue Night" ในการแสดงรีวิวครั้งยิ่งใหญ่ของเขาชื่อ "PEEP SHOW" ที่บรอดเวย์ ซึ่งในขณะที่กำลังซ้อมใหญ่อยู่นั้นพระเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพระสำราญฮันนีมูนอยู่ที่หัวหิน ที่ด้านข้างใกล้ๆ พระราชวังไกลกังวล ตอนหัวค่ำวันนั้น บังเอิญมีใครไม่ทราบ มานั่งตีปี๊บอยู่ ข้าราชบริพาร แอบกระซิบกันว่า....

"...เราไม่มีวาสนาได้ฟังปี๊บโชว์ที่อเมริกา ก็ฟังปี๊บที่นี่เอาก็แล้วกัน..."

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้รับสั่งว่าอย่างไร

Cr : พระราชอารมณ์ขัน - วิลาศ มณีวัต

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ครองใจราษฎร์

"....ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ
่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใด ที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆ ทรงครองแผ่นดินแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองใจคน...."

#หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ศีลธรรมในจิตใจ

" ในสมัยปัจจุบัน นอกจากความรู้ในวิชาการซึ่ง
สอนกันอยู่ยังต้องมีความรู้ในทางธัมมะ คือความเป็นอยู่ในจิตใจของแต่ละคน การที่เป็นคนดี เป็นคนที่มีความรู้ในทางเหตุผลนี้สามารถที่จะทำให้คนอยู่ด้วยกันอย่างดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ช่วยเหลือสามัคคี นอกจากนี้จะช่วยให้คนสามารถที่จะเรียนวิทยาการได้ ผู้ใดที่เรียนวิทยาการแต่ฝ่ายเดียว จะไม่สามารถปฏิบัติตนเป็นมนุษย์ ถ้ามีศีลธรรมอยู่ในจิตใจก็สามารถปฏิบัติตนเป็นมนุษย์ที่ดี เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น

ฉะนั้นจึงเป็นเหตุให้เห็นความสำคัญของศิลธรรม มิใช่ว่าจะให้คนทั่วไป ทุกคนสนใจศาสนา ศึกษาศาสนาให้มากจนเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า ‘ธัมมะธัมโม’ แต่ตั้งใจที่จะให้ผู้ที่มีความรู้ทางวิทยาการสามารถที่จะใช้วิชานั้นให้เป็นประโยชน์ โดยอาศัยธัมมะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคน ถ้าคนมีความข้องใจ มีความไม่สบายใจธัมมะก็ปลอบใจ คนไหนที่มีความรู้ คนไหนมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติงาน ก็จะช่วยให้ปฏิบัติงานสำเร็จ คนไหนที่มีธัมมะแล้วจึงมีความเจริญ และธัมมะจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต"

# พระบรมราโชวาทพระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๖ ณ วัดคิรีวงศ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ วันเสาร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๔



สิ่งที่ทรงหวัง

ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯเยี่ยมเ
ยียนราษฏรในภาาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์และได้กราบบังคมทูลถามว่าการที่เสด็จฯเยี่ยมราษฏรและมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้นทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รับสั่งตอบว่า...

"...มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยหรือไม่..."


ข้อมูลจาก "พระเจ้าอยู่หัว" จัดพิมพ์โดย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๓๐

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



"...ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง..."

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอ
ยู่ในยุโรป ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่าประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้มีการติดต่อกับเขาเหล่านั้น”

ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในคว
ามรักอันมีค่ายิ่ง ข้าพเจ้าไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านที่จริงจังอะไรนัก แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง

#ความตอนหนึ่งจากบทพระราชนิพนธ์ “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่
สวิตเซอร์แลนด์” ที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศภายหลังจากที่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ


ในหลวง....ต้นแบบของความพอเพียง

เริ่มจากฉลองพระองค์ โปรดฉลองพระองค์ที่เป็นผ้าไ
ทยและเครื่องใช้ที่ผลิตในประเทศไทย ฉลองพระองค์และรองพระบาทคู่หนึ่ง จะทรงใช้อย่างคุ้มค่าเป็นเวลาหลายๆ ปี ไม่โปรดทรงเครื่องประดับเลยนอกจากในงานพระราชพิธีหรือต้องทรงต้อนรับราชอาคันตุกะเท่านั้น

แม้แต่ในยามทรงงาน โปรดใช้ดินสอไม้ราคาย่อมเยา
 ด้วยเหตุผลที่ว่าดินสอนั้นเมื่อเขียนผิดสามารถลบออกได้ ไม่เปลืองกระดาษ ข้าราชบริพารใกล้ชิดพระองค์เล่าว่า สบู่ที่ทรงใช้จนเหลือเศษเพียงเล็กน้อยก็ไม่ทรงทิ้ง แต่จะทรงนำไปปะติดกับก้อนใหม่เสมอ

ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์เคยขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์ที่ทรงใช้แล้ว ปรากฏว่าหลอดยาที่พระราชทานให้นั้นมีลักษณะแบนราบเรียบโดยตลอดคล้ายแผ่นกระดาษ แม้แต่คอหลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปถึงเกลียวหลอด รับสั่งเล่าว่าหลอดยาสีพระทนต์ที่แบนราบและคอหลอดเป็นรอยนั้น เพราะทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกด จนกระทั่งยาสีพระทนต์หมดเกลี้ยงจริงๆ จึงทรงเปลี่ยนหลอดใหม่

#จากร้อยเรื่องในรอยจำ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวและความรักและประทับใจระหว่างคนไทยกับในหลวง จึงขอทำหน้าที่เป็นสื่อกลางนำเรื่องราว เหล่านั้นมาบอกต่อ เพื่อนสมาชิกให้ได้รับรู้ถึงพระราชจริยวัตรนั้นงดงาม

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม



บทเรียนจากการนับข้าวสาร 

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพฯ
 ทรงมีพระชนมายุ ๘ พรรษานั้น ได้เคยทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 

"...ข้าวสาร ๑ กระสอบมีกี่เม็ด..."

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายว่า....

"...ข้าวสาร ๑ กระสอบมีน้ำหนัก ๑๐๐ กิโลกรัม กิโลกรัมหนึ่งมีเครื่องชั่งวัดได้ ๑๐ ขีด ดังนั้น ก็เอาภาชนะไปตวงข้าวสารมาชั่งได้ ๑ ขีด แล้วก็นับข้าวสารที่ตวงมานั้นมีกี่เม็ด แล้วก็เอา ๑๐ คูณ เสร็จแล้วเอา ๑๐๐ คูณผลลัพธ์อีกทีก็จะได้จำนวนเม็ดข้าวใน ๑ กระสอบ..."

สมเด็จพระเทพฯ ทรงทูลว่า ไม่อยากรู้แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนว่า ไม่ได้หรอก หากถามก็แสดงว่าอยากรู้ ดังนั้น จงไปหาข้าวสารมาตวงและนับเสีย เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรให้มาบอกด้วยว่าข้าวสารหนึ่งกระสอบมีกี่เม็ด เพราะว่าก็อยากรู้เหมือนกัน

เอกสารประกอบเรื่อง/ที่มา
- หนังสือความสุขของสมเด็จพระเทพฯ เขียนโดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ตอนอายุสิบเจ็ดที่ได้มาเป็นพระราชินียังไม่มีความรู้อะไรเลย ก็ได้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดูแลสั่งสอนมาตลอดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำบ้าง ทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักว่า การที่จะเป็นพระราชินีของไทยจะต้องวางตนอย่างไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไรบ้าง

ข้อสำคัญรับสั่งว่า ต้องเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจ
ของราษฎรให้เขามีความสนิทสนมที่ราษฎรออกปากเล่าความทุกข์ของเขาให้ฟังได้ และพระองค์ท่านก็ได้ปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักการทำตนใกล้ชิดกับราษฎร

ส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสสมเ
ด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔


เหตุใดพระเจ้าอยู่หัวจึงไม่หยุดทรงงาน ?

ปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย
ู่หัวมีพระราชประสงค์ ที่จะเสด็จพระราชดำเนิน ไปเยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้เวลานั้น ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูลขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ..

"ราษฎรเขาเสี่ยงภัยกว่าเราหลายเท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้ แล้วเราจะขลาด แม้แต่จะไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ"

อีกหนึ่งกระแสพระราชดำรัสที่เป็นคำตอบว่าเหตุใดจึงไม่อาจหยุดทรงงานได้...

"...คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้..."

ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง "พระบิดาประชาชน" โดยนายพิศาล มูลศาสตรสาทร วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๓๐ ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม



เพราะคือ....พ่อแห่งแผ่นดิน

ในวาระที่คณะแพทย์และข้าราช
การกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโครงการรณรงค์ขจัดโรคสารไอโอดีน และตัวแทนสภากาชาดไทย นำประธานคณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน ศ.ดร.เบซิล เอส.เฮทเซล เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวายเหรียญทองสดุดีพระเกียรติคุณ ณ พระราชไกลกังวล ในปี ๒๕๔๐

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มีพระราชดำรัสว่า เมื่อเก้าปีก่อน ได้เสด็จพระราชดำเนินยังหมู่บ้านหนึ่งในเขตอำเภอสะเมิงจ.เชียงใหม่ ทรงพบชาวบ้านจำนวนมากเป็นโรคคอพอก ทรงฉุกคิดได้ว่าเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ และประทับในสวิตเซอร์แลนด์เคยทอดพระเนตรเห็นการผลิตเกลือเสริมไอโอดีน จึงได้ทรงถามเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขว่าเคยนำเกลือเสริมไอโอดีนมาแจกพระชาชนหรือไม่ เจ้าหน้าที่กราบทูลว่า...

" แจกหลายครั้งแล้ว แต่ชาวบ้านไม่ยอมกิน เพราะกลัวอันตราย "

ด้วยเหตุดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จฯ ไปที่สะเมิงอีกครั้ง คราวนี้ทรงนำเกลือเสริมไอโอดีไปพระราชทานกับชาวบ้านด้วยพระหัตถ์ และรับสั่งให้ชาวบ้านใช้เกลือนี้แทนเกลือสินเธาว์ เมื่อชาวบ้านได้รับเกลือพระราชทานก็เกิดความมั่นใจว่าเกลือนี้ไม่มีอันตรายแน่ "เกลือพระราชทาน" จึงเริ่มได้รับความนิยมนับจากนั้น แม้บางคนจะแอบเอาเกลือพระราชทานไปเก็บไว้บูชาไม่ยอมกิน แต่ก็ยังยอมไปซื้อเกลือเสริมไอโอดีนจากร้านค้ามาบริโภค

ในโอกาสเดียวกันบรรดาผู้เข้าเฝ้าฯได้รับฟังเรื่องเล่าพระราชทานเพิ่มเติมว่า เมื่อชาวบ้านในพื้นที่พอมีอันจะกินแล้ว ก็อยากได้สิ่งอื่นๆตามมาสิ่งแรกที่พวกเขาอยากได้คือ "ถนน"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงรับสั่งถามชาวบ้านว่า....

"อยากกินฝุ่นหรืออยากกินข้าว"

ชาวบ้านบอกว่า...

"อยากกินข้าว"

รับสั่งว่า...

"งั้นเอาน้ำไปก่อนนะ ถนนค่อยตามมาทีหลัง"

จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงจัดลำดับความสำคัญสูงสุดก่อนเพื่อประโยชน์สุขของปวงประชาโดยแท้จริง

# สิริเดชะกุล

ข้อมูลจากข่าว "ในหลวงกับเกลือเสริมไอโอดีน กว่าจะบรรลุพระราชประสงค์ก็...เกือบจะต้องเสียชีวิต"หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๐

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ความสุขของในหลวง ?

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกล่าวไว้ว่า......

"เท่าที่ผมทราบมา ไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งสอง
พระองค์สำราญพระราชหฤทัยเกินไปกว่าการที่ได้ทรงพบประชาราษฎรของพระองค์ แม้จะใกล้หรือไกลก็ตามที ตามที่เคยมีคำพังเพยแต่ก่อนว่า....

รัชกาลที่ ๑ โปรดทหาร
รัชกาลที่ ๒ โปรดกวีและศิลปิน
รัชกาลที่ ๓ โปรดงานช่างก่อสร้าง(วัด)

ผมกล้าต่อให้ได้ว่ารัชกาลที่ ๙ โปรดราษฎร และคนที่เข้าเฝ้าฯได้ใกล้ชิดที่สุดคือราษฎร มิใช่ใครอื่นที่ไหนเลย "

ท่ามกลางพระราชภารกิจอันเหนื่อยหนักในแต่ละวันสิ่งที่ช่วยให้พระราชหฤทัยเบิกบานได้ตลอดเวลาคือเรื่องชวนยิ้มที่เกิดขึ้นในระหว่างทรงงาน ขอยกตัวอย่างเรื่องนี้

ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบราษฎรหญิงรายหนึ่ง มีลูกมากถึง ๔-๕ คน จึงรับสั่งถามว่า....

" ที่บ้านอยู่กันกี่คน "

ราษฎรหญิงนั้นกราบทูลว่า...

" อยู่กัน ๖ คน มีแม่แล้วก็ลูกอีก ๕ เจ้าคะ "

จึงรับสั่งถามต่อว่า....

" พ่อไปไหน "

ราษฏรหญิงผู้นั้นกราบทูลว่า....

"พระสวามีไปมีพระมเหสีใหม่เพคะ"

จะเห็นได่ว่าความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อมด้วยข้าราชบริพาร หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านมีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า อยู่ดีมีสุข แค่นั้นพระองค์ท่านก็มีความสุขแล้ว

เอกสารอ้างอิง/ขอขอบคุณ
- ในหลวงของเรา ประทับไว้ในความทรงจำ ดร.สุเธ ตันติเวชกุล มติชน ฉบับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒
-อ.สิริเดชะกุล
- หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชกับการศึกาไทย จัดพิมพ์โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม



ทั้งชีวิตเพื่อ...ประชาชน

นับแต่ข้าพเจ้าได้รับความไว
้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือครอบครัวของคนยากคนจน และผู้ด้อยโอกาสข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจอย่างลึกซึ้งในชะตากรรมของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามถิ่นทุรกันดารในแผ่นดินของข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง คนที่อ่อนแอและอับโชคย่อมเสียเปรียบผู้ที่เข้มแข็งและมีหัวทางธุรกิจ หากเขาเหล่านี้ถูกทอดทิ้งก็จะถูกความทุกข์ยากนานัปการทับถมครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง และภัยธรรมชาติทั้งหลาย ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่สามารถที่จะตั้งตัวขึ้นมาได้เลย ความยากจนและความเจ็บไข้ได้ป่วย คือเหตุแห่งความทุกข์ยากอันใหญ่หลวงที่ทำให้เด็ก ๆ ไม่อาจได้รับการดูแล ด้านสุขภาพอนามัยและการศึกษาได้

โชคดีที่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้ ได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ ผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ สมาชิกของครอบครัวชาวไร่ชาวนาผู้ยากจนที่สุดเต็มใจอย่างยิ่งที่จะฝึกงานด้านหัตถกรรม

จนกระทั่งบัดนี้พวกเขาสามารถประดิษฐ์งานฝีมืออันมีคุณภาพเยี่ยมยอดจนเป็นที่แสวงหากันแล้วและมิใช่เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อเพื่อการกุศลแต่อย่างใด

เมื่อเราสามารถขจัดความยากจนข้นแค้นของเขาลงได้ ครอบครัวของเขาก็จะช่วยกันทำให้ชุมชนของตนสามารถพึ่งตนเองได้และขั้นต่อไปเขาก็จะตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และป้องกันการตัดไม้ทำลายป่ายิ่งขึ้น หากปล่อยให้มีการตัดไม้ทำลายป่าโดยไม่หยุดยั้ง จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง ต่อประเทศชาติและต่อโลก”

พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกิ้นส์ ทูลเกล้าทูกกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านมนุษยธรร
(Doctor of Human Letters honoris causa) พุทธศักราช ๒๕๓๘



ประทับกลางดวงใจ

ทุกครั้งที่ในหลวงเสด็จพระร
าชดำเนินเยี่ยมราษฎรในชนบทห่างไกล ราษฎรไทยต่างพากันอุ้มลูกจูงหลานมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ด้วยหัวใจที่จงรักภักดี ถึงจะต้องเดินทางมาเป็นเส้นๆ หรือกิโลเมตรก็ไม่ย่อท้อ บางรายถึงกับเดินมาสองวันสองคืนก็มี หอบข้าวหอบปลากันมากิน ให้คอยนานเท่าใดก็คอยได้ บ้างเจ็บไข้ลุกไม่ขึ้นก็ลืมป่วยมายืนคอยได้อย่างแข็งแรง บ้างเตรียมผ้าห่มมาให้ทรงเหยียบเพื่อที่จะเก็บรอยพระบาทไปกราบไหว้บูชา บ้างนำขันใส่น้ำมาขอให้ทรงจุ่มพระหัตถ์เพื่อจะนำไปเก็บไว้เป็นของสิริมงคลประจำบ้า


และไม่ว่าจะยากจนเท่าใดก็ยังกุลีกุจอหา "ของที่ดีที่สุด" ที่พวกเขามีอยู่มาถวาย ของที่ชาวบ้านนำมาทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัวของพวกเขานี้มี อาทิ ปลาเค็มแห้งห่อใบตองวางบนข้าว ข้าวเม่า ข้าวเหนียว หมอน ผ้าที่ทอเอง ดอกไม้ป่า ดอกพุทธรักษา ธูปเทียน บางทีถวายกล้วย ๑ หวี ข้าวเหนียว ๑ กระติบก็มี

เล่ากันว่ามีชายคนหนึ่งยากจนมาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ยังอุตส่าห์ฝากนายตำรวจราชองครักษ์ให้ช่วยถวายเงินเหรียญหนึ่งบาทให้ในหลวงด้วย ยังมีสิ่งของอีกมากมายที่ราษฎรตั้งอกตั้งใจนำมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของบางชิ้นไม่มีราคาค่างวด แต่สูงส่งด้วยค่าทางใจ ซึ่งต้องเป็นคนที่รักใคร่ชอบพออย่างที่สุดเท่านั้นที่จะยอมมอบให้ ดังเช่น สตรีชาวพัทลุงที่นำผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์มาถวาย ทั้งๆ ที่นางมีบุตรชายอยู่ ๔ คน และทั้งสี่คนเพียรขอผ้ายันต์ผืนนี้ แต่นางก็หวงไว้ไม่ยอมให้ ตั้งใจจะถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียว


อีกครั้งหนึ่ง หญิงชาวพิจิตรกวักมือไปที่สมเด็จฯ แล้วถอดสร้อยคอออก แกะพระองค์เล็กๆ ส่งถวาย ทูลว่า....

"...นี่ของแท้นะจ๊ะ ได้มาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายทีเดียว..."

สมเด็จฯ รับสั่งว่า...

"...ของดีอย่างนี้ ทำไมไม่เก็บไว้เองเล่า..."

เขาทูลว่า...

"...ฉันรักท่าน อยากให้ท่านมีไว้..."

หรือคราวเสด็จหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านเผ่าเย้าชื่อนายรามัน แซ่ผ่าน ซาบซึ้งมากที่เสด็จฯ มาเยี่ยมและทรงช่วยเหลือพวกเขา ถึงกับนำกำไลหยกประจำตระกูลมาถวาย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทรงขัดศรัทธาของราษฎรในการทูลเกล้าฯถวายสิ่งของเหล่านี้เลย ไม่ว่าของที่ถวายจะเป็นเพียงกล้วยน้ำว้าผลหนึ่งหรือไข่ต้มสองฟอง ในคราวหนึ่งที่เสด็จฯโดยรถยนต์จากเชียงใหม่ไปป่าซาง ลำพูน ระยะทางเพียง ๒๖ กิโลเมตรโปรดให้หยุดรถพระที่นั่งเพื่อรับของที่ราษฎรถวายกว่า ๑๐ ครั้ง

เพราะทรงตระหนักว่าราษฎรตั้งใจถวายสิ่งของมีค่า "ที่สุดเท่าที่มี" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงไม่เคยปฏิเสธ "น้ำใจ" จากพวกเขาเลย

ครั้งหนึ่ง ขณะที่เสด็จฯ ไปทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรฯ มีผู้ชายวิ่งตามรถพระที่นั่ง ปากร้องตะโกนว่า...

"...หยุดก่อน หยุดก่อน..."

เมื่อทอดพระเนตรเห็นจึงรับสั่งให้หยุดรถพระที่นั่ง ชายผู้ซึ่งยังหอบแฮกอยู่ ล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมา ๕๐ บาท ยกมือขึ้นและวางลงในพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทูลว่า..." ขอทำบุญด้วย "

Cr : หนังสือหนึ่งร้อยเรื่องในรอยจำ

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



ของขวัญปีใหม่ของคุณยายสุวัฒนา

"ยายไม่มีอะไรจะถวาย มีแต่ความจงรักภักดี"

คำธรรมดาที่ออกมาจากใจของคุ
ณยายสุวัฒนา ขยายวงศ์ หญิงชราวัย ๗๐ ปี ผู้ซึ่งไม่มีรายได้ บ้านที่อยู่ก็กำลังจะต้องย้ายออก แต่มีหัวใจไปถวายพระพรในหลวงทุกวัน นับตั้งแต่ทราบข่าวว่าพระองค์ทรงประชวรเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ และมาประทับรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช 

คุณยายสุวัฒนาจะเดินทางออกจากที่พักทุกวันในเวลาประมาณห้าโมงเย็น เพื่อไปถวายพระพรในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช พร้อมกับเดินรอบตึกเฉลิมพระเกียรติวันละ ๙ รอบ ซึ่งคุณยายตั้งใจจะทำให้ครบ ๘๐ วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวง

"แค่ยายได้ทำตรงนี้ ได้มาถวายพระพร ยายก็มีความสุขมาก ยายได้เจอคนดี ๆ มากมายเวลาที่ได้มาที่นี่ ยายเชื่อว่านี่คือบารมีของในหลวง ยายปลื้มมากที่ได้ทำ"

สำหรับชีวิตของคุณยายสุวัฒนาในวัย ๗๐ ปี เรียกได้ว่าลำบากไม่น้อย ทุกวันนี้คุณยายอาศัยอยู่คนเดียว โดยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดอพาร์ทเม้นต์ที่อาศัยอยู่ แลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าเช่า และดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเงินออมที่เก็บมาทั้งชีวิต เพราะไม่มีรายได้อื่นใด ทำให้คุณยายต้องจำกัดการใช้เงิน โดยห้ามเกินวันละ ๑๐ บาท แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณยายรู้สึกลำบาก ทั้งยังบอกว่ายึดหลักความพอเพียงจากพ่อหลวง มีน้อยใช้น้อย จึงไม่รู้สึกว่าตัวเองลำบากมากนัก

อย่างไรก็ดี อพารท์ทเม้นต์ที่เจ้านายให้อยู่โดยไม่คิดค่าเช่ามานานกว่าสิบปีนั้นกำลังใกล้ถึงกำหนดที่ต้องย้ายออกในสิ้นปีนี้แล้ว ซึ่งใจจริง คุณยายวัฒนา บอกว่า อยากจะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าในหลวงจะเสด็จออกจากโรงพยาบาลเพื่อจะได้รอรับเสด็จ และเดินทางไปถวายพระพรได้สะดวก

ในการเดินทางไปถวายพระพรในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช คุณยายสุวัฒนาจะเดินเท้าออกจากที่พักย่านผ่านฟ้าไปขึ้นรถเมล์ที่บางลำภู โดยระหว่างทางคุณยายจะพบคนรู้จักมากมายที่อยากไปถวายพระพรในหลวงแต่ไม่มีเวลา คุณยายจึงรับฝากรายชื่อและนำไปลงนามถวายพระพรให้

คุณยายสุวัฒนา เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อองค์พ่อหลวงว่า พระองค์ท่านเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ มีทุกอย่างในพระองค์เอง กล่าวคือ เก่งทั้งศาสตร์ ศิลป์ ดนตรี กีฬา พร้อมทั้งเล่าว่าเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านครึ่งหนึ่ง ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยในครั้งนั้นพระองค์เสด็จเปลี่ยนเครื่องทรงที่วัดพระแก้ว

"เวลาพระองค์ท่านเสด็จไปไหนที่ลาดพระบาท คนจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปปู ยายก็เอาบ้าง เอาผ้าปูที่ลาดพระบาท แล้วท่านก็ประทับไว้ให้ ทุกวันนี้เอาเก็บไว้บูชา ประทับใจพระองค์ท่านมาก ท่านมีพระจริยวัตรอันงดงามอ่อนโยน เห็นทุกครั้งก็เห็นว่าท่านทรงงานหนักมาก ก็อยากให้พระองค์ท่านมีความสบายใจ และมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์"

เมื่อถามว่า ปีใหม่คุณยายอยากได้อะไรเป็นของขวัญ คุณยายสุวัฒนา บอกว่า ของขวัญปีใหม่ ที่อยากได้ที่สุดคือ อยากให้ในหลวงแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงชนชาวไทยตลอดไป และไม่อยากให้ใครหรือสิ่งใดทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทเพราะพระองค์ท่านเหนื่อยเพื่อประชาชนมามากแล้ว ขนาดเรายังไม่ลำบากอย่างท่านเลย

พระจริยวัตรอันงดงาม เปี่ยมล้นพระบารมี สถิตย์ทั่วทุกธรณี ที่ประจักษ์แก่ใจไทยทุกคน เชื่อว่านอกจากหญิงชราผู้นี้แล้ว คนไทยทั้งชาติ ต่างก็รักในหลวงอย่างไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ และภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นพสกนิกรของพระองค์

http://youtu.be/gVcUjmXuWjg คุณยายอีกหนึ่งท่านร้องเพลงถวายพระพร

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช และพลังแห่งความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จงคุ้มครองดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็ง กำลังกายสมบูรณ์แข็งแรง จะได้สามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งมวล และยังความสุขให้เกิดแก่พระองค์ทั้งสองรวมถึงราชวงศ์และบ้านเมืองสืบไป

ขอนอบน้อมเคารพสักการะองค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



"...ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง..."


ในหลวงทรงงานตลอดเวลา

" แม้ว่าท่านจะทรงพระชนมายุมา
กแล้วก็ไม่ใช่ว่าท่านจะทิ้งประชาชนคนไทย ข้าพเจ้าคิดว่าตลอดไปตราบใดท่านยังอยู่ ตราบนั้นคนไทยก็อุ่นใจได้ว่ามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตาประชาชนไทยอย่างจริงๆ ด้วยหัวใจของท่าน ถึงแม้ว่าคนที่อายุต่ำกว่า ๔๐ ปี อาจจะไม่ค่อยได้เห็นพระราชกรณียกิจทางโทรทัศน์เท่าไร แต่คนที่อายุมากกว่า ๔๐ ปี ถ้ายิ่ง ๕๐ - ๖๐ นี่แน่นอน ย่อมเคยเห็นการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่การที่ไม่ได้เห็น ไม่ทันเห็นว่าท่านทรงงานหนักเพียงไรก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะมาพูดว่า ไม่รู้ ไม่ใช่มั้ง ท่านไม่ทำมั้ง อย่างนั้นไม่ได้ จริงๆ แล้วตามหนังสือ แม้แต่โทรทัศน์เค้าก็ฉายพระราชกรณียกิจย้อนหลังหลายครั้งอยู่ แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าชาว พอ.สว. ทุกคน รู้ถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทุกคนจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน "

ความตอนหนึ่งของพระดำรัส สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในโอกาสเสด็จเยี่ยมหน่วยแพทย์ พอ.สว. ณ จังหวัดมหาสารคาม วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗



ตอนอายุสิบเจ็ดที่ได้มาเป็นพระราชินียังไม่มีความรู้อะไรเลย ก็ได้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดูแลสั่งสอนมาตลอดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำบ้าง ทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักว่า การที่จะเป็นพระราชินีของไทยจะต้องวางตนอย่างไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไรบ้าง

ข้อสำคัญรับสั่งว่า ต้องเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของราษฎรให้เขามีความสนิทสนมที่ราษฎรออกปากเล่าความทุกข์ของเขาให้ฟังได และพระองค์ท่านก็ได้ปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักการทำตนใกล้ชิดกับราษฎร

ส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔



Soul of a Nation ดวงจิตของไทย...ดวงใจของชาต

ผู้สัมภาษณ์ BBC 
: พระองค์ทรงมองหน้าที่ของพระ
องค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ว่าคืออะไร และทำไมพระองค์คิดว่าประเทศไทยควรจะมีพระมหากษัตริย์ต่อไป?

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
: ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบได้ ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย แค่นั้น

ผู้สัมภาษณ์ BBC
: พระองค์ทรงตระหนักหรือไม่ว่าประเทศไทย จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หากไม่มีพระมหากษัตริย์?

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
: ข้าพเจ้าไม่ทราบ ฐานะตำแหน่งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่หน้าที่ของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าทำอยู่ อย่างที่ท่านได้สังเกตเห็นอยู่ไม่ใช่หน้าที่ของกษัตริย์ มันเป็นบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันหรือยากที่จะระบุได้ ข้าพเจ้าแค่ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ท่านถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้ามีแผนไหม ข้าพเจ้าไม่มีแผน ข้าพเจ้าแค่รู้ว่าวันนี้ข้าพเจ้าต้องทำอะไรแล้วก็ลงมือทำ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง แต่ข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
: ทุกๆ ที่ที่พวกข้าพเจ้าไป ประชาชนจะมองและให้ความสนใจพวกข้าพเจ้า พวกเขามองมาที่พวกข้าพเจ้านั้นไม่ได้ต้องการรบกวนพวกข้าพเจ้า พวกเขาต้องการที่จะรู้จักพวกข้าพเจ้าให้มากขึ้นว่า พวกเขากินอย่างไร พวกเขานั่งอย่างไร และพวกเขาเดินอย่างไร

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
: พระมหากษัตริย์ และพระราชินีของประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาโดยตลอดจริงๆ ประชาชนมักจะมองพระมหากษัตริย์ดั่งพ่อของแผ่นดิน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่มีชีวิตส่วนตัวมากนัก เพราประชาชนได้พิจารณาเราในฐานะเป็นพ่อและแม่ของแผ่นดิน ดังนั้นเราจึงอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับประชาชน

ความบางตอนของการสัมภาษณ์ของผู้สัมภาษณ์ BBC ทูลถาม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงตรัสตอบในสารคดี Soul of a Nation

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



เพื่อประชาเป็นสุข

งานหลักของพระบาทสมเด็จพระเ
จ้าอยู่หัวคือ พัฒนาปัจจัยในการผลิต เพื่อการกินอยู่ของคนในท้องถิ่น ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือการหา "น้ำ" ให้เพียงพอแก่การเพาะปลูก โดยทรงเล็งเห็นว่า น้ำเป็นส่วนสำคัญที่สุดของชีวิต และเป็นปัจจัยในการผลิตพืชผลต่างๆ รวมทั้งทรงทำพร้อมกันในทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง โดยพึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

พระองค์มีพระราชดำรัสอยู่เสมอว่า จะต้องให้ประชาชนมีสุขภาพอนามัยดี จึงทรงช่วยรักษาพยาบาลอุปการะผู้เจ็บป่วย นอกจากนั้น ทรงเห็นความสำคัญว่า ต้องช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษา มีความรู้อย่างน้อยให้อ่านออกเขียนได้ สามารถอ่านเอกสารของทางราชการ และเพื่อให้รับความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ

ดังนั้น ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ จึงเห็นทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงคิดหาวิธีการต่างๆ ที่จะยกฐานะความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น และได้ตามเสด็จฯ เห็นความทุกข์ยากลำบากของพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ ก็คิดว่าช่วยอะไรได้ควรช่วย ไม่ควรนิ่งดูดาย เห็นจะเป็นเพราะความเคยชิน เมื่อโตขึ้นพอมีแรงทำอะไรได้ก็ทำอย่างอัตโนมัติ และเป็นเหตุที่ทำให้ชอบการพัฒนาช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งเป็นหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องทำประจำอยู่แล้ว และอีกประการหนึ่ง รู้สึกเสมอว่าการเป็นเจ้าฟ้านั้น ได้เปรียบผู้อื่นหลายอย่าง จึงควรนำข้อได้เปรียบนั้นมาทำประโยชน์แก่ผู้อื่น

หนังสือสัจธรรมแห่งแนวพระราชดำริ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน บทความพระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas



เมื่อในหลวงอยากเจอข้าพเจ้า ความทรงจำแสนปีติ...ยายบุญมา ศรีจันทร์

"...ทุกวันนี้เมื่อนึกถึงเร
ื่องราววันนั้นทีไร น้ำตาจะไหลทุกที นึกไม่ถึงว่าเราจะมีบุญขนาดนี้..."

เสียงสั่นเครือเพราะกลั้นน้
ำตาแห่งความสุขเอาไว้ไม่อยู่ของ ยายบุญมา ศรีจันทร์ ขณะย้อนเรื่องราวที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

กว่า ๑๐ ปีก่อน ยายบุญมา คือชาวนายากจน ใช้ชีวิตอันสุดจะลำเค็ญในหมู่บ้านหนองบัว ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ชะตาชีวิตแขวนไว้กับดินฟ้าอากาศที่ไม่มีความแน่นอน พอหมดหน้านา ก็แทบหมดหนทางทำกิน มีเพียงทำ "ผ้าไหมมัดหมี่" เล็กๆ น้อยๆ ตระเวนขายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วภาคอีสาน ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ยังดีกว่าอดตาย

ทว่า "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญเกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะเดินทางไปขายผ้าที่เมืองขอนแก่น ตลอดทั้งวันขายไม่ได้แม้แต่ผืนเดียว แต่เหมือนมีโชควาสนาได้พบขบวนเสด็จฯ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจ ยายบุญมาไปขอให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังช่วยเหลือ

"...ยายระบายความลำบากของชีวิตชาวนาให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังฟังว่ามันทุกข์ทรมานอย่างไร ในช่วงที่ทำนาก็ไม่รู้ว่าฝนฟ้าจะเป็นใจหรือไม่ พอหมดหน้านาก็แทบจะไม่มีอะไรกิน ไม่มีอาชีพเสริม เรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้เป็นข้อมูล และล่วงรู้ถึงพระกรรณสมเด็จพระเทพฯ ในที่สุด..."

จากนั้นไม่กี่เดือน ทหารองครักษ์มุ่งหน้าไปที่บ้านยายบุญมา พร้อมกับความช่วยเหลือจากสำนักพระราชวัง โดยส่งเสริมให้ชาวนาสามารถทอผ้ากันเป็นอาชีพเสริม จัดพื้นที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้ทำกันอย่างจริงจัง แถมยังเอาวัวมาแจกให้ชาวบ้านเลี้ยง

"...สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จฯ มาเยี่ยมเยียนราษฎร มาทอดพระเนตรสิ่งที่พระองค์ท่านช่วยเหลือพวกเราไว้ถึงที่บ้านของยาย ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีแบบนี้..." ยายบุญมาเล่า

หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีโครงการส่งเสริมให้ชาวบ้าน อ.นาโพธิ์ ทำผ้าไหมมัดหมี่ขายเป็นรายได้เสริมในช่วงเวลาที่ว่างจากการทำนา โดยร้านภูฟ้าจะรับผ้าจากชาวบ้านที่นี่ไปขายทั้งหมด ต่อมาราวปี ๒๕๔๗ ยายบุญมานึกเบื่อผ้าลวดลายเดิมๆ วันหนึ่งจึงทอผ้าลาย ๑๒ ราศี และเป็น ๑๒ ราศี ที่ไม่ธรรมดา เพราะภาพ "สุนัข" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "ปีจอ" ได้เลือกเอา คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงของในหลวง มาเป็นแบบ แล้วทำออกมาเหมือนตัวจริงมา

ผ้าไหมมัดหมี่ชุด ๑๒ ราศี ที่มีคุณทองแดง อยู่ในนั้น ถูกส่งไปจำหน่ายที่ร้านภูฟ้าตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ หลังจากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังมาบอกกับยายบุญมาว่า "ในหลวงทรงอยากพบ"

"...ตอนนั้นป้าตกใจมาก เจ้าหน้าที่เขามาบอกกับป้าว่า ป้าไปทำเรื่องอะไรไว้ ในหลวงอยากพบ คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ถือวิสาสะไปทอผ้าไหมเป็นรูปคุณทองแดงแน่ๆ ชาวบ้านอย่างป้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดมหันต์ เรื่องราวใหญ่โตจนถึงพระเจ้าแผ่นดิน.."

ยายบุญมา เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ตอนนั้นตกใจมาก รีบโทรศัพท์หาลูกว่า....

"...แม่แย่แล้ว สงสัยจะโดนจับ เพราะทำผิดที่ทำผ้าไหมมัดหมี่เป็นรูปคุณทองแดง...."

ทันทีที่ผู้เป็นลูกรู้ก็ตกใจ พยายามบอกแม่ให้ใจเย็นๆ กระทั่งถึงวันเข้าเฝ้าฯ ในหลวง แม้วัยจะล่วงเลยกว่า ๗๐ ปีแล้ว ยายบุญมายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้อย่างแม่นยำ วันนั้นในหลวงประทับอยู่กับคุณทองแดง

"...คำแรกที่พระองค์ท่านรับสั่งคือ มานี่มาเร็ว มีเรื่องจะคุยด้วย ทำไมทำผ้าเป็นรูปทองแดงแบบนี้..เราก็ตกใจ นึกอยู่แล้วว่าต้องเรื่องนี้ ก็ก้มลงกราบแล้วรีบทูลไปว่าที่ทำก็เพราะอยากจะสร้างสรรค์งานให้แปลกออกไป ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะล่วงเกินเหนือหัวเลย คราวหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ก็ขอร้องพระองค์ท่าน ในหลวงตรัสว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก อย่าให้คุณทองแดงไปอยู่กับสัตว์อื่น ถ้าจะทำต้องให้คุณทองแดงอยู่ตัวเดียว และทำแบบหลายๆ ท่าทาง..."

"...พอได้ยินประโยคนี้ น้ำตาร่วงเลย เงยหน้าไปมองในหลวง เห็นพระองค์ทรงหัวเราะ เราก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ คือนึกตลอดว่าต้องถูกทำโทษ ตัวเองก็ทำใจเอาไว้แล้ว ยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอก ดีใจมากๆ พระองค์ท่านบอกว่าให้ทำลายคุณทองแดงออกมาอีกเยอะๆ เอาหลายอิริยาบถ ตอนที่เดิน ตอนที่วิ่งบ้างก็ได้ ที่สำคัญ เอาแบบตัวเดียว ตัวใหญ่ๆ ในหลวงให้หนังสือรวมภาพคุณทองแดงมาด้วยหนึ่งเล่ม บอกว่าถ้านึกไม่ออกก็ให้ดูภาพพวกนี้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ ป้าก็รับปากว่าจะทำมาถวายพระองค์อย่างสุดความสามารถ..."

ยายบุญมา บอกด้วยว่า แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ทำให้มีความสุข ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้รับใช้พระองค์ท่านใกล้ชิดเพียงนี้ เป็นบุญของชีวิตจริงๆ

ทุกวันนี้จากชาวนายากจน สิ้นหวัง ยายบุญมากลับมายืนได้อีกครั้งด้วยอาชีพเสริมที่มาจากน้ำพระราชหฤทัยของในหลวงและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยร้านภูฟ้ารับผ้าไหมของกลุ่มแม่บ้านหนองบัวทั้งหมดไปจำหน่าย ทำให้มีรายได้เข้ากลุ่มแม่บ้านเดือนละเกือบ ๒ แสนบาท ชุมชนเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่ กลับมาเป็นชุมชนที่เข้มแข็งได้อีกครั้ง

นี่คือเรื่องราวของ "บุญมา ศรีจันทร์" ชาวบ้านตัวเล็กๆ แต่มีความทรงจำอันยิ่งใหญ่กับพระมหากษัตริย์ มหาราชแห่งแผ่นดิน..ทรงพระเจริญ

หมายเหตุ
- ตัวจริงยายบุญมา http://youtu.be/Vsy8zaUVcPs

- ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ ยายบุญมา ชาวบ้านตัวเล็กๆ กับความทรงจำอันยิ่งใหญ่ http://youtu.be/tWzaL-OjvkY

- บทความคัดลอกจากเรื่อง เมื่อในหลวงอยากเจอข้าพเจ้า ความทรงจำแสนปีติ'ยายบุญมา ศรีจันทร์ : เสถียร วิริยะพรรณพงศา



ห่วงใยในทุกข์สุขของประชาราษฎร์

"...ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้มีโ
อกาสตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศมานานหลายปี ได้แลเห็นพระวิริยะอุตสาหะและพระราชศรัทธา ที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งยังทรงสอนเรื่องการทำงานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งในพระราชปณิธาน และได้ตั้งใจปฏิบัติงานที่ทรงมอบหมายมาอย่างสุดความสามารถ คืองานด้านสังคมสงเคราะห์ต่างๆ ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ช่วยเหลือทางด้านสวัสดิการครอบครัว และส่งเสริมอาชีพทางด้านหัตถกรรม เพราะงานเพื่อประชาชนทั้งหลายมีความสำคัญเสมอกัน ย่อมต้องปฏิบัติไปพร้อมๆกัน จะละเว้นทางหนึ่งทางใดเสียมิได้..."

พระราชดำรัสบางส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถในโอกาสที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้คณะบุคคลต่างๆเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๐

ขอนอบน้อมเคารพสักการะ องค์พระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นธรรมะโอสถวิเศษประเสริฐล้ำเลิศอุดม พระทรงสั่งสมพระบารมี บำเพ็ญประโยชน์ อำนวยความสุขสวัสดิ์ แก่ทวยเทพและมวลมนุษย์ สุดจะนับ จะคณนา หาประมาณมิได้

ด้วยเดชะแห่งพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นที่พึ่ง ที่กำจัดภัยได้จริง ขอจงขจัด อุปัทวันตราย และความทุกข์ทั้งหลาย ที่มาพ้องพาน ให้ สูญสลายหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกาย สำราญใจ ในที่ทุกสถาน ในกาลทุก เมื่อ เทอญ

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://m.facebook.com/profile.php?id=388723421244559


อ่านต่อ

ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ภาค 1

ฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ ภาค 2
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า