การเบิร์นหูฟังคืออะไร?
การ Burn In นั้นก็คือการทำให้อุปกรณ์นั้นๆไม่ว่าจะเป็น หูฟัง , มือถือ , MP3 , DAC , แอมป์ , ลำโพง ,Soundcard , เครื่องเสียง หรือแม้แต่สายต่างๆเรียกได้ว่า อุปกรณ์อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเรื่องเสียงนั้น ควรเบิรน์ อินก่อนใช้งานทั้งสิ้น เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนใช้งานจริงนั่นเอง
หากเทียบกับรถยนต์ การ Burn in ของวงการหูฟังเราก็เหมือนกับการ Run in ของวงการรถยนต์ครับ
สรุปง่ายๆก็คือ หลังจากใช้งาน Burn in อุปกรณ์ต่างๆไปซักระยะ ก็จะทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดของหูฟังตัวนั้นๆ
หากเทียบกับรถยนต์ การ Burn in ของวงการหูฟังเราก็เหมือนกับการ Run in ของวงการรถยนต์ครับ
สรุปง่ายๆก็คือ หลังจากใช้งาน Burn in อุปกรณ์ต่างๆไปซักระยะ ก็จะทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดของหูฟังตัวนั้นๆ
เบิร์นแล้วมันดีขึ้นยังไงหล่ะ?
ดีขึ้นมากน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ลำโพงหรือหูฟังยี่ห่ออะไรรุ่นอะไร ด้วยครับ แต่บอกได้เลยว่าดีขึ้นแน่นอน เพราะตัวผมเองเจอมากับตัวคือในตอนนั้นผมได้ไปลองฟัง หูฟัง Marshall Major ที่ shop แห่งหนึ่งซึ่งตอนนั้นผมเคลิ้มกับเจ้าหูฟังตัวนี้มากทำให้ซื้อติดมือกลับมาพอ ขึ้นรถกลับบ้านด้วยความเห่อเลยแกะออกมาฟังซะหน่อยปรากฏว่าเสียงที่ออกมานั้น มันคนละเรื่องกับที่เราไปลองเลยจากเสียงเบสที่นุ่มลึกก็ออกมาแบบแข็งกระด้าง เสียงแฉที่ฟังดูมีรายละเอียดก็กลายเป็นฉาบเชิดสิงโตผมถึงขั้นถอดอออก แล้วกลับมาใช้หูฟังเดิมจนถึงบ้าน แล้วก็เอาเจ้า Marshall Major ตัวดังกล่าวมาเข้ากระบวนการเบิร์นซะชุดใหญ่จึงทำให้มันกลับมาเป็นหูฟังที่ผมเคลิ้มจ่ายตังค์ซื้อมันมาครับ
แล้วเบิร์นยังไงหล่ะ?
ซึ่งวิธีการเบิร์นนั้นเซียนแต่ละท่านก็จะมีวิธีที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็ว่าเปิดไฟล์ Burn In ซัก 4ชั่วโมง แล้วก็ต่อด้วยเพลงที่เราฟังนั่นแหละซัก 24 – 50 ชั่วโมง หรือบางท่านก็บอกว่าเปิดเพลงที่เรานี่แหละแต่เอาซัก 1 – 200 ชั่วโมง (200 ชั่วโมงจริงๆครับ) ซึ่งก็เลยเอามารวมกันซะโดยการใช้ไฟล์ Burn In (เตรียมไว้ให้ด้านล้างพร้อมรายละเอียดครับ) ประมาณ 1 – 2 รอบ แล้วแต่อารมณ์และก็แล้วแต่ชนิดของลำโพงหรือหูฟัง แต่โดยปรกติแล้ว ระยะเวลาการเบิรน์ อิน ของลำโพงและหูฟังแต่ละตัวจะไม่เท่ากันแต่สำหรับหูฟังทั่วไป ระยะเวลาเพียง 100 ชั่วโมงก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ
ข้อควรระวังในการเบิร์น
การเบิร์นหูฟังที่ว่านี้ ไม่ใช่ว่าจะทำก็ทำเลยนะครับมันก็มีข้อควรระวังไว้เช่นกันครับ อันนี้ผมขอยกคำพูดของเฮียมั่นคงมาเลยละกันครับ “ที่สำคัญ อย่าเผลอเปิดดังกว่าการฟังโดยปกติก็เป็นอันใช้ได้ครับ ส่วนจะเปิดทิ้งเปิดขว้างก็ไม่เป็นไรครับมีข้อแนะนำอย่างหนึ่งคือ เวลาเบิร์นต้องเปิดลำโพงในระดับเสียงที่เราฟังอาจรบกวนคนอื่นได้ วิธีแก้ไข ก็ให้เอาเก็บซุกไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อช่วยลดเสียงที่ออกมาจะได้ไม่ดังมากครับ การที่บอกว่าเปิดดังเท่าที่ฟังก็เพราะมันจะได้ไม่ทำอันตรายต่อไดรเวอร์นะครับเพราะเราเบิร์นให้มันเหมือนกับสถานการณ์จริง หรือการใช้งานจริงๆๆการเปิดเร่งจนสุดให้ดังลั่น จะทำให้ลวดคอยล์คอยล์ในหูฟังร้อนและขาดในที่สุด ฉะนั้นเปิดเสียงดังขาดเกินนิดหน่อย ก็ไม่มีปัญหาครับ”
การ “burn-in” นานเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียหรือไม่?
การ “burn-in” นั้นอย่างที่บอกไว้คือการทำให้ชิ้นส่วนขับเสียงของหูฟังเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็น และเมื่อ “burn-in” ถึงจุดนั้นแล้วชิ้นส่วนต่างๆก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากนั้นแล้วฉะนั้นถึงจะ “burn-in” นานกว่าเดิมไปเท่าไรเสียงก็จะยังคงเหมือนจุดที่ “burn-in” เข้าที่พอดีครับไม่มีผลใดๆ
สรุปวิธีการเบิร์นในแบบผมที่ศึกษาและทดลองด้วยตัวเองก็คือ
- ผมเปิด file: Pink noise, Logarithmic sine, White noise, Arithmetic sine เรียงลำดับมาเลยครับ เปิดวนๆกันซัก 1 ชั่วโมง
- แล้วผมก็เปิด Gran Turismo 5 Soundtrack ต่อเลย เปิดไปเลยซัก 2 – 3 วัน หรือมากกว่านั้นแล้วแต่คนสะดวกเลยครับ (สำหรับผม 100 ชม. กำลังดี) ที่เลือก Gran Turismo 5 Soundtrack เพราะ มันมีเกือบจะทุกแนวเพลง น่าจะครับทุกย่านเสียง และความละเอียด file เพลง 320kbps ครับ
ส่วนนี่ Link Download file ครับ แจกๆ
Pink noise.wav (55.5 MB)
Logarithmic sine (Up from 30hz).wav (12.6 MB)
White noise.wav (25.2 MB)
Arithmetic sine (Up from 30hz).wav (10.1 MB)
OR
Zip file
OR
Zip file
Gran_Turismo_5_Soundtrack_1.zip (389 MB)
Gran_Turismo_5_Soundtrack_2.zip (823 MB)
Gran_Turismo_5_Soundtrack_3.zip (494 MB)
Gran_Turismo_5_Soundtrack_2.zip (823 MB)
Gran_Turismo_5_Soundtrack_3.zip (494 MB)